วัดสำคัญของ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุไชยา ซึ่งมีอายุนับพันปี บริเวณวัดแวดล้อมด้วยพันธุ์ไม้ที่มีความสำคัญทางพุทธศาสนา เช่น โพธิ์ อโศกใหญ่ เป็นต้น พร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ที่สอดคล้องกับภูมิทัศน์ นอกจากนี้มีสิ่งน่าสนใจให้แวะชมอีกมาก โดยเฉพาะพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา จากวัดนี้ห่างออกไปเพียง 1 กม. สามารถเดินไปเที่ยวชมตลาดไชยาซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆ ที่เงียบสงบ เป็นแหล่งผลิตไข่เค็มไชยาลือชื่อ
ประวัติ มีการค้นพบพระพุทธรูปศิลาปางสมาธิ สมัยทวารวดี ทำให้เชื่อได้ว่าวัดพระบรมธาตุไชยาฯ มีมาแล้วตั้งแต่ พ.ศ.1000-1200 แต่พระบรมธาตุไชยาสร้างในยุคที่อาณาจักรศรีวิชัยรุ่งเรืองราว พ.ศ.1200-1500 โดยเป็นพุทธเจดีย์ตามนิกายมหายาน นอกจากนี้ยังมีการค้นพบโบราณวัตถุกระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะรูปหล่อสำริดพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรที่งดงามมาก ถือเป็นงานประติมากรรมชิ้นเอกของสมัยศรีวิชัย วัดพระบรมธาตุไชยาฯ ได้รับการบูรณะมาอย่างต่อเนื่องหลังอาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมอำนาจลง โดยเริ่มปรากฏงานพุทธศิลป์สกุลช่างนครศรีธรรมราช ที่ได้รับอิทธิพลจากพุทธศาสนานิกายเถรวาทแบบลังกาวงศ์ ซึ่งเผยแผ่เข้ามาในสมัยสุโขทัย
ในสมัยอยุธยามีหลักฐานปรากฏถึงความรุ่งเรืองของวัดนี้มากที่สุด คือมีการค้นพบพระพุทธรูปศิลาทรายแดงขนาดต่างๆ หลายร้อยองค์ ส่วนใหญ่เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสกุลช่างไชยา
วัดพระบรมธาตุไชยาฯ ยังคงเจริญรุ่งเรืองจนถึงสมัยกรุงธนบุรีแต่ทรุดโทรมและถูกทำลายโดยพม่าในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจนกระทั่งร้าง และยอดฉัตรทองคำของพระบรมธาตุก็สูญหายไป ต่อมาได้รับการบูรณะในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระชยาภิวัฒน์สุภัทรสังฆปาโมกข์ เมื่อครั้งเป็นเจ้าคณะเมืองไชยา ระหว่าง พ.ศ.2439-2453 โดยทำการฉาบปูนบางๆ รอบองค์เสริมยอดฉัตรที่หายไป และสร้างวิหารคดรอบบริเวณองค์เจดีย์ พร้อมกับสร้างวิหารหลวง นับตั้งแต่ พ.ศ.2439 วัดพระบรมธาตุไชยาฯ มีเจ้าอาวาสมาแล้วเจ็ดองค์ พระธรรมโกศาจารย์หรือท่าพุทธทาสภิกขุก็เคยดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสระหว่าง พ.ศ.2492-2536 วัดนี้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อ พ.ศ.2479 และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกเมื่อ พ.ศ.2500 |