ตั้งอยู่ริมถนนราชดำเนินบริเวณที่เชื่อว่าตรงข้ามกับวัดวังตะวันออกอันเป็นนิวาสถานของเจ้าจอมปราง เดิมเป็นอุทยานต่อมาเจ้าพระยานคร(น้อย) ยกวัดวังตะวันออกและอุทยานตรงข้ามให้เป็นวัดเช่นเดียวกัน จึงเป็นวัดวังตะวันตก พ.ศ. 2431 พระครูกาชาด(ย่อง) พร้อมด้วยสานุศิษย์ ได้สร้างกุฏิขึ้นหมู่หนึ่ง เป็นเรือนเครื่องลับ 3 หลัง มีหลังคาจั่ว แต่ละหลังคาคลุมเชื่อมต่อกัน ตัวเรือนฝาปะกับตามประตู หน้าต่าง และช่องลมประดับด้วยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนคร ปี พ.ศ. 2535 สมาคมสถาปนิกสยามคัดเลือกกุฏิวัดวังตะวันตกให้เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่นประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม ปัจจุบัน สำนักงานศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราชกำลังดำเนินการบูรณะซ่อมแซม ในอดีตบริเวณที่เป็นวัดวังตะวันตกนี้ชาวเมืองใช้เป็นที่ค้างศพ ต่อมาเจ้าจอมปราง (พระสนมที่สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้พระราชทานแก่เจ้าพระยานคร(พัฒน์)) ได้ปรับปรุงเป็นอุทยาน โดยเหตที่อุทยานนี้อยู่ตรงข้ามกับวังตะวันออกอันเป็นนิวาสสถานของเจ้าจอมปราง ชาวเมืองจึงเรียกอุทยานนี้ว่า วังตะวันตก ครั้นเมื่อเจ้าจอมปรางสิ้นชีพิตักษัย เจ้าพระยานคร(น้อย)ผู้บุตรจึงยกวังตะวันออกให้เป็นวัด ตั้งชื่อว่าวัดวังตะวันออก และดัดแปลงวังตะวันตกให้เป็นวัดเช่นเดียวกัน เรียกกันว่า วัดวังตะวันตก ต่อมาใน พ.ศ.2431 พระครูกาชาด(ย่อง)พร้อมด้วยบรรดาญาติโยมและสานุศิษย์ ได้สร้างกุฎิขึ้นหมู่หนึ่ง เป็นเรือนเครื่องสับ 3 หลัง มีหลังคาจั่ว แต่ละหลังมีชานที่มีหลังคาคลุมเชื่อมต่อกัน ใช้เวลาสร้างนานถึง 13 ปี กุฎิที่วัดวังตะวันตกนี้เป็นเรือนฝาปะกน ตามบานประตู หน้าต่าง และช่องลมประดับด้วยลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์ของเมืองนคร เนื่องจากมีความงดงามลงตัวในเชิงสถาปัตยกรรมที่ควรค่าแก่การสงวนรักษาไว้ให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา ทางสมคมสถาปนิกสยามจึงได้คัดเลือกกุฎิวัดวังตะวันตกแห่งนี้ ให้เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2536 ประเภทปูชนียสถานและวัดวาอาราม |