วัดโพธารามหรือวัดเหนือ ชาวบ้านเรียกว่าวัดโพธิ์ เป็นวัดเก่าแก่มากเช่นกันแต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าสร้างสมัยใด วัดนี้คู่กับวัดล่างหรือวัดสมุหนิมิต ตามประวัติวัดนี้มีเจ้านายชั้นสูงเคยมาเยือนเช่น สมเด็จ พระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์ เมื่อครั้ง พ.ศ.2427 และ รัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ.2432 ภายในวัดทีสถานที่สำคัญเช่น อุโบสถ เก่าแก่สร้างเมื่อไรไม่ทราบได้ บานประตูเป็นไม้แกะสลักสวยงามมาก ตู้พระธรรมลายรดน้ำเก่าแก่ หีบพระธรรมไม้ฉลุลาย ธรรมาสน์ไม้ทองบุษบก กล่องใส่คัมภีร์ใบลาน สมุดข่อย และ คัมภีร์ต่างๆ พระพุทธรูปสำริด สกุลช่างนครศรีธรรมราช กุฎิทรงไทย เป็นต้น ที่ตั้ง เลขที่ 98 หมู่ที่ 3 ถนนราษฎร์บำรุง ตำบลพุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ประวัติ วัดโพธารามสร้างขึ้นเมื่อใดยังไม่พบหลักฐานที่แน่นชัด แต่ก็เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งชาวบ้านเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดเหนือ“ คู่กับวัดสมุหนิมิต ที่ชาวบ้านเรียกว่า “วัดล่าง“ สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์ เสด็จวัดโพธาราม เมื่อวันอังคารขึ้น 13 ค่ำ เดือนสิบ พ.ศ.2427 ปรากฏความในหนังสือชีวิวัฒน์หน้า 145 ความว่า “ ..ทางประมาณ 7 เส้น 8 เส้น มีวัดๆหนึ่งข้างฟากถนนทิศเหนือ ชื่อว่าวัดโพธาราม มีรั้วไม้เป็นเขื่อน และมีโบสถ์ผนังปูนชำรุดมุงหลังคาจาก กว้างประมาณ 4 วา ยาวประมาณ 6 วา หน้าโบสถ์หันไปทางทิศตะวันออก มีหมู่กุฏิพระอยู่ข้างมุมหลังโบสถ์ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ในโบสถ์นั้นมีพระประธานหน้าตัก 3 ศอก นั่งอยู่บนฐานปูนเตี้ยแต่กว้าง มีพระพุทธรูปใหญ่น้อยตั่งอยู่เป็นอันมาก มีพระหล่ออย่างเก่าๆและชำรุดมาก และมียานุมาศอย่างเก่าๆอยู่ 2 อัน สลักปิดทองหล่อชาด มีคานหามสำหรับหามด้วยชำรุดปรักหักพัง ได้สอบถามพระครูกาแก้วก็ไม่ได้ความว่ามาแต่ไหน ทราบว่าเป็นของเก่าตั้งแต่พระครูกาแก้วเกิดมาก็เหฯอยู่ดังนี้ เป็นของเคยใช้สำหรับแห่พระ แห่บวชนาค เมื่อพระครูกาแก้วคนนี้บวชก็ได้เคยแห่ยานุมาศอันนี้ ตัวพระครูกาแก้วนั้นบัดนี้อายุถึง 70 ปีแล้วต่อวัดนี้ไปก็เป็นบ้านโรงเรือนราษฎร์ขายของสินค้ารายไปเหมือนที่ว่ามา แล้วนั้น.....” พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินวัดโพธาราม เมืองไชยา เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ร.ศ.108 ( พ.ศ. 2432 )ปรากฏความในจดหมายเหตุพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาส แหลมมาลายูคราว ร.ศ. 108 และ 108 สิ่งสำคัญ 1.อุโบสถ เดิมสร้างมาแต่เมื่อไรไม่มีใครทราบ รู้แต่ว่าได้มีการบูรณะครั้งใหญ่ในปี 2465 ( มีเขียนบอกไว้ที่เสาเพดานโบสถ์ ) ดังสภาพที่เห็นในปัจจุบัน หน้าบันอุโบสถประดับตกแต่งด้วยกระเบื้องถ้วยชามขนาดใหญ่ประกอบเข้ากับลาย ปูนปั้นรูปดอกไม้และใบไม้ ถ้วยชามส่วนมากมีอายุในราวต้นกรุงรัตนโกสินทร์ทั้งเครื่องถ้วยจีนและถ้วย ฝรั่ง บานประตูอุโบสถเป็นไม้สักสลักลายพุ่มข้าวบิณฑ์ลงรักปิดทอง ก่อนสำรวจในปี 2511นั้นมีผู้ร้ายปีนขึ้นไปกะเทาะเอาถ้วยชามจากหน้าบันอุโบสถไปเสียหลายใบ 2.บานหน้าต่างไม้แกะสลักอยู่ตามกุฏิหลังต่างๆ 3.ตู้ พระธรรมลายรดน้ำ มีทั้งหมด 6 ตู้ อยู่บนศาลาโรงธรรมหลังใหม่ ตู้ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในสมัยรัตนโกสินทร์แต่ที่เก่าถึงสมัยอยุธยาก็มีอยู่ ด้วย 4.หีบพระธรรมไม้ฉลุลาย 5.ธรรมาสน์ไม้ทองบุษบก 6.กล่องใส่คัมภีร์ใบลาน มีทั้งแบบฉลุ ลงรักปิดทอง ฝังมุก มีอย่างน้อย 5 กล่อง 7.สมุด ข่อยและคัมภีร์ต่างๆ เก็บไว้ในตู้ลายรดน้ำ ส่วนมากอยู่ในสภาพดี ส่วนใหญ่เป็นเรื่องในพุทธศาสนา บางเล่มมีภาพสีประกอบ ที่เป็นกฎหมายเช่นกฎหมายว่าด้วยทาสจุลศักราช 1166 ก็มี 8.พระ พุทธรูปสำริด สกุลช่างนครศรีธรรมราช สูง 31 เซนติเมตรช่วงพระพาหากว้าง 20 เซนติเมตร พบเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2511 ขณะขุดดินที่วางรากฐานรั้วกำแพงวัด ลึกประมาณ 1 เมตร 9.กุฏิทรงไทย 10.กระเบื้องเชิงชายรูปเทพพนมขุดพบบริเวณเดียวกันที่พบพระพุทธรูปสำริด 11.โอ่งไหมีมากขนาดใหญ่ก็มี 12.ถ้วยชามของลายครามเก่า

ตำบล พุมเรียง อำเภอ ไชยา จังหวัด สุราษฎร์ธานี


รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
บุคคลอ้างอิง กระทรวงวัฒนธรรม
ชื่อที่ทำงาน กระทรวงวัฒนธรรม
เลขที่ 98 ถนน ถนนบรมราชชนนี
ตำบล บางบำหรุ อำเภอ เขตบางพลัด จังหวัด กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ 10700
โทรศัพท์ 1765
เว็บไซต์ www.m-culture.go.th


--------------------
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากเว็บไซต์ http://m-culture.in.th/