กำหนดการเดินทาง 4 วัน 3 คืน
วันที่แรก ยะลา – เบตง
- 08.00 น. คณะออกเดินทางจากที่พัก สู่แหล่งท่องเที่ยว
- 08.30 น. นมัสการพระพุทธไสยาสน์ ณ วัดคูหาภิมุข หรือวัดหน้าถ้ำซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามปูชนียสถานที่สำคัญของภาคใต้ ชมหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ และชม พิพิธภัณฑ์ศรีวิชัย ทราบว่า พ.ศ.2390 ผู้ใหญ่บ้านอาศัยอยู่ที่บ้านหน้าถ้ำ ได้สร้างวัดคูหาภิมุข เพื่อประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลในหมู่บ้าน ภายในวัดคูหาภิมุขมีถ้ำใหญ่ ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ขนาดใหญ่ ภายในถ้ำยังมีหินงอกหินย้อย และน้ำใสสะอาดไหลรินจากโขดหิน วัดคูหาภิมุข เป็นวัดที่สำคัญของเมืองยะลา มีพิพิธภัณฑ์ศรีวิชัย เก็บวัตถุโบราณที่ได้มาจากวัดถ้ำ ภูเขากำปั่น พระพิมพ์ดินดิบ สถูปเม็ดพระศก อิฐฐานพระพุทธรูป วัดคูหาภิมุข เคยเป็นแหล่งชุมชนโบราณมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ พบร่องรอยศาสนสถาน เมืองโบราณ ซึ่งเป็นศาสนสถานที่พบเทวรูปสำริด กำแพงเมือง พระพิมพ์ดินดิบแบบทวารวดีศรีวิชัย ภาพเขียนสีพระพุทธรูปฉาย ภาพเขียนสีราชรถมีสัตว์เทียม มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 15-17 นักโบราณคดีได้พบภาพเขียนก่อนประวัติศาสตร์บริเวณถ้ำคูหาภิมุข เป็นภาพพระพุทธฉาย และภาพราชรถแกะสลักไว้บนหน้าผา ภายในบริเวณถ้ำคูหาภิมุข กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน วัดคูหาภิมุข มีพระพุทธรูปสมัยศรีวิชัย สมัยสุโขทัย สมัยอู่ทอง ใกล้ๆ กับวัดมีภูเขากำปั่นเป็นภูเขาหินอ่อนสีชมพู สวยงามมาก
- 10.30 น. ยะลา ซิตี้ ทัวร์ ชมความงามผังเมืองจังหวัดยะลา และแหล่งท่องเที่ยวในเมือง เช่น สวนขวัญเมือง สนามโรงพิธีช้างเผือกเคยใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีน้อมเกล้าฯ ถวายช้างเผือก (พระเศวตสุรคชาธาร) และศาลเจ้าพ่อหลักเมือง
- 11.00 น. ชมวิวทิวทัศน์ของเขื่อนบางลาง ทะเลสาบบนภูเขา อ.บันนังสตา เขื่อนบางลางเป็นโครงการไฟฟ้าพลังน้ำเอนกประสงค์แห่งแรกในภาคใต้ที่สร้างปิดกั้นแม่น้ำปัตตานี เป็นเขื่อนแบบหินทิ้งแกนดินเหนียว สูง 85 เมตร สันเขื่อนยาว 422 เมตร สามารถเก็บกักน้ำได้ 1,420 ล้านลูกบาศก์เมตร บริเวณเหนือเขื่อนในบริเวณที่ตั้งของสำนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ มีจุดชมทิวทัศน์มองเห็นทัศนียภาพของเขื่อน อ่างเก็บน้ำและทิวเขาโดยรอบได้
- 12.00 น. รับประทานอาหาร ณ ครัวฮาลาล และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา จากนั้น
- 13.00 น. เลือกซื้อผลิตภัณฑ์กล้วยหินฉาบและกล้วยหินสดที่มีชื่อเสียง ของบ้านหน้าถ้ำ อ.บันนังสตา
- 16.00 น. เดินทางถึง อ.เบตง นั่งรถชมเมืองเบตง
- 17.30 น. รับประทานอาหาร เมนูแนะนำ ผักน้ำ ไก่สับเบตง ณ ร้านฮาลาล คิทเช่น หรือ...
- 18.00 น. จากนั้นเข้าที่พักและปฏิบัติภารกิจทางศาสนา พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สอง ยะละ – เบตง
- 07.30 น. รับประทานอาหาร ติ่มซำ ในบรรยากาศวัฒนธรรมพื้นบ้านของชาวจีนเมืองเบตง
- 08.30 น. ออกเดินทางชมทัศนียภาพยามเช้าของเมืองเบตง “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม” ณ บนเขาสวนสาธารณะเบตง เป็นจุดชมทัศนียภาพของเมืองเบตง ประกอบด้วยสวนไม้ดอกไม้ประดับ สวนนก สวนสุขภาพ สนามกีฬา สระว่ายน้ำ และสนามเด็กเล่น เหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจและออกกำลังกาย
- 10.30 น. แวะนมัสการพระมหาธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศ วัดพุทธาธิวาส พื้นที่ตั้งวัดเป็นเนินเขาสูงเอียงลาดลงไปทางทิศเหนือ จัดแบ่งพื้นที่วัดออกเป็นชั้นรวม ๕ ชั้น วัดพุทธาธิวาส ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขามีพระธาตุเจดีย์พระพุทธธรรมประกาศตั้งโดดเด่นมองเห็นศิลปกรรมแบบศรีวิชัยประยุกต์สวยงามมาก โดยในองค์มหาธาตุเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
- 11.00 น. ชมพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย โจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายา และต้นไม้ใหญ่ ที่หมู่บ้านจุฬาภรณ์ 10 พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อดีตพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อดีตพรรคคอมมิวนิสต์มาลายา บ้านจุฬาภรณ์พัฒนา 10 ได้ ริเริ่ม โดยประชาคมหมู่บ้าน โดย มีวัตถุประสงค์ในการจัดทำเพื่อให้เป็นศูนย์เรียนรู้ เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ที่ครบถ้วนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของหมู่บ้าน และเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในหมู่บ้าน
- 12.30 น. รับประทานอาหาร ณ หมู่บ้านจุฬาภรณ์ 10 และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา จากนั้น
- 13.30 น. ชมอุโมงค์ปิยะมิตร ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของโจรจีนคอมมิวนิสต์ในการหลบภัยทางอากาศ และสะสมเสบียง เมื่อปี พ.ศ. 2519 ก่อนที่จะเข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย มีวัตถุประสงค์ในการก่อสร้าง เพื่อใช้เป็นฐานปฏิบัติการเพื่อหลบภัยทางอากาศ และสะสมเสบียง ตั้งอยู่บนเนินเขาที่ล้อมรอบด้วยป่าทึบ ภายในอุโมงค์มีความกว้างพอคนเดินได้มีความยาวของอุโมงค์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ในอดีตมีททางเข้า-ออก 9 ทาง แต่ปัจจุบันเหลือ 6 ทาง โดยปัจจุบันยังคงมีกลิ่นอาย และร่องรอยของการดำรงชีวิตที่หลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนที่มีเตียงดินเหนียว ก่อติดกับผนังถ้ำ อุปกรณ์ในการสู้รบ อุปกรณ์ในการเดินป่า ห้องบัญชาการรบ ซึ่งจุคนได้ถึง 200 คน ภายนอกอุโมงค์ยังมีลานสำหรับฝึกกำลังพล และปัจจุบันยังมีอาคารจัดนิทรรสกาลวิถีการดำเนินชีวิตภายในป่าอันน่าตื่นใจ
- 15.30 น. ผ่อนคลายความเมื่อยล้า ด้วยธาราบำบัด ณ บ่อน้ำร้อน ซึ่งเชื่อกันว่าความร้อนของกรดกำมะถันสามารถแก้โรคเหน็บ ชาช่วยให้เลือดลมและกล้ามเนื้อผ่อนคลาย
- 17.30 น. บริการอาหาร ณ ครัวฮาลาล จากนั้นเดินทางกลับทีพัก… และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา พักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สาม เบตง – ยะลา – หาดใหญ่
- 07.00 น. บริการอาหาร ณ ที่พัก
- 08.30 น. จากนั้น นำคณะชมโครงการสวนไม้ดอกเมืองหนาวแหล่งท่องเที่ยวงดงามใต้สุดแดนสยาม สัมผัสความหนาวเย็นของอากาศยามเช้าและความงดงามของไม้ดอกเมืองหนาวนานาชนิด ท่ามกลางภูเขาบริเวณหมู่บ้านปิยะมิตร 2 จากนั้นเดินทางสู่ ตัวจังหวัดยะลา
- 12.00 น. บริการอาหาร ณ ยะลาฮาลาลบุฟเฟต์ ในตัวจังหวัดยะลา และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา หลังอาหารเดินทางสู่หาดใหญ่ เข้ายังที่พัก
- 18.00 น. บริการอาหาร ณ ครัวเจ๊ะการ์ จากนั้นเข้าที่พัก
วันที่สี่ สงขลา ซิ้ตี้ทัวร์
- 07.30 น. รับประทานอาหาร
- 08.30 น. จากนั้นเดินทางสู่สงขลาไปย่านเมืองเก่าสงขลา เพื่อเยี่ยมชม
- 09.00 น. พิพิธภัณฑ์พะธำมะรงค์ เรื่องราวประวัติศาสตร์พลเอกาเปรม ติณสูลานนท์ พิพิธภัณฑ์พธำมะรงค์ หรือ บ้านของตระกูลติณสูลานนท์ ตั้งอยู่ที่เลขที่ 1 ถนนจะนะ ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญอีก แห่งหนึ่งของจังหวัดสงขลา จัดสร้างขึ้นโดยกรมราชทัณฑ์ในสมัยของนายสนิท รุจิณรงค์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ในขณะนั้น เปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 กันยายน พ.ศ. เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้อนุชนรุ่นหลังได้ระลึกถึงตำแหน่ง "พะทำมะรง" (เดิมใช้คำว่า "พธำมะรงศ์") อันเป็นตำแหน่ง เก่าแก่ของข้าราชการกรมราชทัณฑ์ ที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี พิพิธภัณฑ์พธำมรงค์ จังหวัดสงขลา เป็นพิพิธภัณฑสถานที่จำลองรูปแบบบ้านพัก เดิมของรองอำมาตย์โทขุนวินิจทัณฑกรรม ในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งพระทำมะรงพิเศษ เมืองสงขลา ภายในมีการจัดแสดงข้างของเครื่องใช้ของครอบครัวติณสูลานนท์ในอดีต และประวติสกุลวงศ์
- 10.00 น. กำแพงเมืองเก่า ประวัติการตั้งเมืองสงขลา และร่องรอยของกำแพงเมืองสงขลา
- 10.30 น. พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจังหวัดสงขลา ซึ่งได้รวบรวมโบราณวัตถุไว้มากมาย เป็นพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ ตรงข้ามกำแพงเมืองจังหวัดสงขลา เป็นโบราณสถาน ของชาติ มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีน อายุกว่า 100 ปี ภายในจัดแสดงศิลปวัตถุที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม อันเป็นเอกลักษณ์ ของภาคใต้และของประเทศไทย อาคารพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนผสมยุโรป สร้างเป็นตึกก่ออิฐ สอปูน 2 ชั้น หันหน้าสู่ทะเลสาบสงขลา
- 11.00 น. ชมบ้านเรือนที่ก่อสร้างด้วย สถาปัตยกรรมโคโลเนี่ยลสไตล์ ที่ถนนนครนอก นครใน
- 11.30 น. เลือกชิมขนมหวาน อาหารพื้นถิ่นที่ และของที่ระลึกที่ ถนนนางงาม
- 12.00 น. รับประทานอาหารตามอัธยาศัย และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา จากนั้นเดินทาง
- 13.00 น. ขึ้นเขาตังกวนไปชมวิวทิวทัศน์ของสงขลา เมืองสองทะเล และชมเจดีย์หลวง เป็นภูเขาลูกเล็ก ๆ ตั้งอยู่บริเวณปลายแหลมในตัวเมืองสงขลา ทางไปแหลมสนอ่อน บนยอดเขาตังกวนเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมืองสงขลา ซึ่งสร้างในสมัยอาณาจักรนครศรีธรรมราช เป็นศิลปะสมัยทวารวดี ในเดือนตุลาคมของทุกปีจะมีพิธีห่มผ้าองค์เจดีย์ ประเพณีลากพระและตักบาตรเทโว และยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองสงขลาและทิวทัศน์สองทะเล คือทะเลอ่าวไทยและทะเลสาบสงขลา และก่อนถึงยอดเขาตังกวนจะมีศาลาวิหารแดง (พลับพลาที่ประทับ) ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้พระยาวิเชียรคีรี ผู้สำเร็จราชการเมืองสงขลาในสมัยนั้น สร้างพลับพลานี้ถวายตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ.2431 บริเวณด้านล่างเขาตังกวนมีลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก
- 14.00 น. ชมสัตว์น้ำนานาชนิดที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำสงขลา(Songkhla aquarium)
- 15.00 น. ถ่ายรูปคู่กับนางเงือกที่หาดสมิหลา สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่มีชื่อเสียงของสงขลา อยู่ในเขตเทศบาลเมือง หาดสมิหลามีโขดหินขนาดย่อมยื่นลงทะเล หาดทรายขาวละเอียดมากที่เรียกว่า "ทรายแก้ว" มีป่าสนร่มรื่น จากหาดสมิหลาสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของ เกาะหนูเกาะแมว จนมีคำกล่าวว่าใครมาเยือนสงขลาแล้วไม่มาเยือนสมิหลาก็เหมือนมาไม่ถึงสงขลา มีสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงรูปปั้น นางเงือกทอง เมี่อมองออกไปในทะเลจะเห็น เกาะหนู เกาะแมวอันเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่ง หาดสมิหลาเป็นชายหาดที่มีบรรยากาศสงบ เหมาะสำหรับมาพักผ่อนชมวิว มีชายหาดต่อเนื่อง กัน เรียกว่าแหลมสนอ่อน อยู่เลยหาดสมิหลาไปทางตะวันตก ช่วงของแหลมสนอ่อนจะยาวไปจนถึงสันเขื่อนในทะเล
- 16.00 น. เดินทางสู่ อ.สิงหนคร ชมสุสานของสุลต่านสุไลมาน ณ มรหุ่ม ที่ฝังศพของสุลต่านสุไลมาน เป็นที่รู้จักกันในนามของ "ทวดหุ่มหรือมรหุ่ม" ประชาชนทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม ให้ความเคารพนับถือกันมากในฐานะที่เป็นทวดหรือเทวดา
- 17.30 น. จากนั้นเดินกลับโดยสวัสดิภาพ
***โปรแกรมอาจเปลี่ยนแปลงได้คามความเหมาะสม***