ประเทศไทยเรานั้นมีด่านชายแดน (อย่างเป็นทางการ) ทั้งหมด 16 แห่ง โดยแต่ละแห่งนั้นกระจายตัวอยู่ตามภาคต่างๆ ที่มีเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านของเราอันได้แก่ ประเทศพม่า ลาว กัมพูชาและมาเลเซีย โดยในแต่ละด่านชายแดนนั้นก็จะมีทัศนียภาพและบรรยากาศในการท่องเที่ยวที่แตกต่างกันออกไป ซึ่ง “ด่านวังประจัน” นั้นก็เป็นอีกหนึ่งด่านชายแดนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนที่อื่นๆ เช่นกัน
“ด่านวังประจัน” สตูล แหล่งชอปปิ้ง 2 แผ่นดิน
ด่านวังประจัน ตั้งอยู่ที่ตำบลวังประจัน อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล เป็น 1 ใน 16 ด่านชายแดนของประเทศไทย โดยเป็นด่านการค้าชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศมาเลเซีย ซึ่งด่านวังประจันแห่งนี้มีเอกลักษณ์แตกต่างจากด่านชายแดนอื่นๆ คือ เป็นด่านชายแดนเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทะเลบัน จังหวัดสตูล โดยเป็นที่ตั้งของด่านศุลกากรและตลาดการค้าชายแดน ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาบริเวณช่องเขาของเทือกเขาบรรทัดและเทือกเขาสันกาลาคีรี ที่เป็นพรมแดนธรรมชาติระหว่างไทยกับมาเลเซีย จึงทำให้ด่านชายแดนวังประจันแห่งนี้มีบรรยากาศที่ร่มรื่น เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่ได้มาซื้อขายและจับจ่ายท่ามกลางขุนเขา
อีกทั้งทางด่านวังประจันแห่งนี้ ยังเป็นด่านการค้าชายแดนเพียงด่านเดียว ที่นักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวภายในตลาดชายแดนของสองฝั่งแผ่นดิน โดยไม่ต้องทำบัตรผ่านแดนในรัศมี 1 กิโลเมตร โดยตลาดชายแดนของทางฝั่งตรงข้ามนั้นมีชื่อว่าตลาดการค้าชายแดน “ด่านวังเกลียน” ซึ่งตั้งอยู่ในอาณาเขตของรัฐเปอร์ลิส ประเทศมาเลเซีย
นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า ทางจังหวัดมีนโยบายร่วมกับกรมการปกครอง ซึ่งมีการดูแลในเรื่องการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ชายแดน โดยมีการจัดระเบียบร้านค้าต่างๆ และปรับปรุงภูมิทัศน์แหล่งท่องเที่ยวให้มีความเป็นระเบียบและสวยงามมากขึ้น และในอนาคตจะมีการพัฒนาด่านตรวจคนเข้าเมืองร่วมกันกับทางประเทศมาเลเซียให้มีรูปแบบเดียวกัน เพราะด่านชายแดนของทางมาเลเซียยังเป็นระบบ Check Point อยู่ ซึ่งทางด่านชายแดนของประเทศไทยได้ใช้ระบบ C.I.Q.(Customs Inspection Quarantine Bureau) แล้ว จึงต้องมีการร่วมกันพัฒนาในจุดนี้ด้วย เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน (AEC) ในปี 2558
จากตลาดค้าขายผลไม้เล็กๆ ที่ใช้พื้นที่ภายในอุทยานแห่งชาติ และเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น ในเวลาต่อมาตลาดการค้าชายแดนวังประจันแห่งนี้จึงถูกเปิดเป็นด่านศุลกากรและตลาดการค้าชายแดนภายในอุทยานแห่งชาติทะเลบัน โดยเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2552 เพื่อใช้เป็นสถานที่เพื่อใช้เป็นจุดผ่านแดนไทย-มาเลเซีย เป็นจุดส่งออกและนำเข้าสินค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภค บริโภค สินค้าทางการเกษตรและสินค้าจากต่างประเทศ
หลังจากการเปิดเป็นด่านตลาดการค้าชายแดนอย่างเป็นทางการ จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวนิยมมาท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี ซึ่งมีทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยเราเองและนักท่องเที่ยวต่างชาติ สินค้านั้นมีมากมายหลากหลาย โดยสินค้าที่เป็นที่นิยมของคนไทยนั้นจะเป็นสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศในราคาถูก เช่น จักรยาน เสื่อไม้ไผ่ น้ำมันพืช และในส่วนสินค้าที่นักท่องเที่ยวมาเลเซียนิยมนั้นคือ สินค้าการเกษตร เช่น ผลไม้ต่างๆ ครกชนิดต่างๆ และกระทะ อีกทั้งทั้งสองฟากฝั่งของตลาดชายแดน 2 ประเทศก็มีสินค้าอีกมากมายหลายประเภทให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ
ระยะทางระหว่างตลาดวังประจันฝั่งประเทศไทย ถึงตลาดวังเกลียนประเทศมาเลเซียนั้น มีระยะประมาณ 1 กิโลเมตร โดยจะต้องผ่านการตรวจจากด่านศุลกากรของทั้งสองประเทศอย่างเข้มงวด แต่นักท่องเที่ยวไม่ต้องทำบัตรผ่านแดนเหมือนด่านชายแดนอื่นๆ บรรยากาศภายในตลาดทั้งสองแห่งนั้นจะถูกโอบล้อมด้วยขุนเขา ซึ่งจะคึกคักมากเป็นพิเศษในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดช่วงเทศกาลของ 2 ประเทศ และนักท่องเที่ยวคนใดที่มีความกังวลในการเดินทางกลับไปประเทศของตนเองแล้วจะเหนื่อยก็ไม่ต้องกังวลในเรื่องนี้ เพราะทางตลาดชายแดนทั้งสองมีวินมอเตอร์ไซค์ชายแดนไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว โดยอัตราค่าบริการเป็นราคากลาง 30 บาท (สกุลเงินไทย) หรือ 3 ริงกิต (สกุลเงินมาเลเซีย) ต่อรอบ
ในการรวมเป็นประชาคมอาเซียน (AEC) ด่านวังประจันจึงถือเป็นอีกหนึ่งประตูสำหรับต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องการมาเยี่ยมเยือนประเทศไทย โดยสามารถเชื่อมโยงไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ได้อีกมากมาย อาทิ ชายทะเลและหมู่เกาะต่างๆฝั่งอันดามัน หรือจะเป็นท้องทะเลฝั่งอ่าวไทย และยังสามารถเชื่อมไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ของประเทศมาเลเซียได้อีกด้วย อาทิ เกาะลังกาวี และเมืองปาดังเบซาร์ที่ห่างไปเพียง 20 กิโลมตร
นับเป็นอีกด่านชายแดนที่สำคัญและมีเอกลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ตลาดการค้าชายแดนวังประจันจึงถือเป็นอีกหนึ่งตลาดชายแดน ที่ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งแหล่งท่องเที่ยวและประตูแห่งความสัมพันธ์ เพื่อรอต้อนรับมิตรภาพแห่งอาเซียนในอนาคต
**********************************************************************************************************************
