นางสาวจิราภรณ์ บุญพันธ์ เจ้าหน้าที่การตลาด ปางช้างเผือกหาดใหญ่ กล่าวว่า “เกี่ยวกับแนวคิดการสร้างปางช้างเผือกหาดใหญ่ คือเราอยากจะนำเสนอกิจกรรมรูปแบบใหม่ในเมืองหาดใหญ่ ซึ่งหาดใหญ่นั้นเป็นเมืองท่องเที่ยวทั้งเป็นเมืองเศรษฐกิจ ทางคณะผู้บริหารจึงได้วางเป้าหมายไว้ว่าหาดใหญ่เองยังมีการเจริญเติบโตอีกเยอะ โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว นอกเหนือจากการช้อปปิ้ง การเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ซึ่งเราคิดว่ามันน่าจะมีอะไรใหม่ๆที่เป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยว จากการคิดนี้เป็นการจุดประกายให้เรามีความเห็นว่าน่าจะทำเพิ่มสถานที่ท่องเที่ยว เราต้องดึงความเป็นเอกลักษณ์ ดึงวัฒนธรรม ดึงความเป็นไทยออกมา ถ้านึกถึงประเทศไทยคนส่วนใหญ่จะนึกถึงช้าง โบราณสถาน และจุดที่เราถนัดก็คือช้าง เนื่องจากทางทีมงานเรามีประสบการณ์เรื่องช้างมาพอสมควร ก็เลยเกิดสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้”
ด้านนายปรีชา วัดโคก กรรมการผู้จัดการ ปางช้างเผือกหาดใหญ่ กล่าวเสริมว่า “ปางช้างเผือกหาดใหญ่มีพื้นที่ประมาณ 50 ไร่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหาดใหญ่ เส้นทางก็จากหาดใหญ่ไปสงขลาอยู่ใกล้กับสวนสาธารณะ กระเช้าลอยฟ้า เส้นทางที่จะเข้ามาเที่ยวก็ไม่ยุ่งยากเพราะติดถนน ในปางช้างเผือกนี้ เราได้จัดกิจกรรมสำหรับนักท่องเที่ยว หลักๆคือขี่ช้าง ซึ่งที่ปางของเรามีช้างทั้งหมด 19 เชือก เป็นช้างที่มาจาก ศูนย์คชศึกษาจังหวัดสุรินทร์ ทุกตัวนำเข้ามาอย่างถูกต้องมีใบอนุญาตรับรอง และช้างที่ใช้ขี่ได้จริง 17 เชือก อีก 2 เชือกยังเล็กอยู่ ซึ่งมีอยู่ 1 เชือกเพิ่งเกิดไปเมื่อวันคริสต์มาสที่ผ่านมา การขี่ช้างใช้เวลาเดินประมาณครึ่งชั่วโมงเข้าไปเดินในป่าเป็นแบบเดินลุยน้ำ เดินตามแนวบึงน้ำเพราะข้างในจะเป็นธรรมชาติซึ่งพื้นที่จะติดภูเขา ผ่านหมู่บ้านควาญช้าง กิจกรรมที่เด่นอีกอย่างคือ การขับรถ ATV ใช้เวลาประมาณ40 นาที สนามของเราสวยมาก อาจจะสวยที่สุดและดีที่สุดในภาคใต้ มีทั้งขึ้นเนิน ลุยน้ำ โค้ง ทางวิบาก เหมาะสำหรับคนที่ชอบแนวผจญภัยและตื่นเต้น แล้วก็มีตัวที่ฝึกสร้างสมาธิ คือการยิงธนู ในการยิงธนูต้องใช้ทักษะแต่เราจะมีครูฝึกสอนให้ นอกจากนี้ในปีหน้าประมาณปลายเดือนมกราคม เราจะมีกิจกรรมโชว์ช้างแบบเต็มรูปแบบ ซึ่งตอนนี้กำลังก่อสร้างสถานที่ ช้างโชว์นี้เป็นกิจกรรมของช้างเป็นช้างแสนรู้ ช้างจะแสดงความสามารถอะไรได้หลายๆอย่างเช่น วาดภาพ เล่นฮูลาฮูป เป่าแคน ชู้ตบาสได้ เป็นช้างแสนรู้ และต่อไปก็จะสร้างสนามยิงปืนซึ่งจะเสร็จประมาณเดือนมีนาคม”
นอกจากนี้นางสาวจิราภรณ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “ทางเรามองศักยภาพของหาดใหญ่นอกจากว่าจะเป็นเมืองการค้า เศรษฐกิจ ท่องเที่ยวในตามสถิติของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียเยอะที่สุด ปีหนึ่งหลายล้านคน บางทีเราคิดว่าการไปเที่ยวจากช้อปปิ้งหรือเที่ยวแหลมสมิหลา สะพานเกาะยอหรืออะไรก็ตามถ้าเราเพิ่มในตัวสถานที่เป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวมันจะเป็นอะไรที่ใหม่ๆให้กับลูกค้าเข้ามาเที่ยวมากยิ่งขึ้น เรามีช้าง มีรถ ATV มียิงธนู ซึ่งเรามองมองเห็นความเจริญเติบโตด้านการท่องเที่ยวและเราสามารถทำให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ก็ได้ การท่องเที่ยวเชิงกิจกรรมสันทนาการก็ได้ ณ ตอนนี้เราได้เปิดปางช้างเผือกมาแล้วเป็นระยะเวลาประมาณ 7 เดือน ผลตอบรับจากนักท่องเที่ยวดีมาก กลุ่มลูกค้าหลักๆ ก็คือชาวมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ และชาวยุโรป และอีกไม่กี่ปีก็จะเปิดอาเซียน ซึ่งเรามองว่าอาเซียนมันเป็นโอกาสการเข้า-ออกง่าย การติดต่อทั้งเรื่องการค้าขายมันเปิด ซึ่งกิจกรรมตรงนี้น่าจะรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวไปคู่กับการเปิดประชาคมอาเซียนได้เป็นอย่างดี
สำหรับปางช้างเผือกหาดใหญ่ อยากจะเชิญนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเข้ามาสัมผัสบรรยากาศใหม่ๆในรูปแบบใหม่ๆ ค่าบัตรผ่านประตูไม่ต้องเสีย เข้ามาชมช้าง มาดูช้าง มาเยี่ยมช้าง ที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยมานานแสนนานได้สัมผัสตัวเป็นๆได้สัมผัสเขาจะได้รู้ถึงความน่ารักของช้าง รู้ถึงกิจกรรมใหม่ๆที่เราได้มาเสนอ ซึ่งนับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งใหม่ที่ตื่นเต้นเร้าใจ รอนักท่องเที่ยว นักผจญภัยมาสัมผัส
