ประวัติความเป็นมา
วัดมุจลินทวาปีวิหาร เป็นพระอารามหลวง ชนิดสามัญ พระยาวิเชียรสงคราม (เกลี้ยง) เจ้าเมืองหนองจิก เป็นผู้สร้างขึ้น ในปี พ.ศ. ๒๓๘๘ โดยเมื่อพระยาวิเชียรภักดีศรีสงคราม (เกลี้ยง) ได้อพยพผู้คนมาตั้งเมืองหนองจิกใหม่ ณ บริเวณตำบลตุยง ที่ตั้งอำเภอหนองจิกในปัจจุบัน เมื่อสร้างที่ว่าการเมิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านและพระอาจารย์พรหม ธมมสโร ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของท่านได้ตระเวณเลือกชัยภูมิเพื่อสร้างวัด เล่ากันว่าท่านได้เดินทางไปพบเนินทรายขาวแห่งหนึ่งซึ่งมีต้นชะเมาใหญ่ปกคลุมเงียบสงัด ได้เห็นเสือตัวใหญ่นอนหันหน้าไปทางทิศตะวันออก เลยถือเป็นนิมิตรมงคล เลือกสถานที่แห่งนั้นเป็นที่สร้างวัด มีชื่อเรียกว่า "วัดตุยง" ตามนามหมู่บ้าน
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๓ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสเยี่ยมเยียนพสกนิกรหัวเมืองปักษ์ใต้ ได้เสด็จมาถึงเมืองหนองจิกเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม พ.ซ. ๒๔๓๓ วัดตุยงเป็นวัดที่ใช้ประกอบพิธีถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยาของข้าราชการในสมัยนั้น แต่พระอุโบสถและเสนาสนะยังทรุดโทรมอยู่หลายหลัง พระองค์จึงมีพระราชศรัทธาบริจาคพระราชทรัพย์ เป็นเงินจำนวน ๘๐ ชั่ง มอบให้พระยามุจลินทร์สราภิธานนัคโรปการสุนทรกิจมหิศราชภักดี (ทัด ณ สงขลา) เจ้าเมืองหนองจิกไปดำเนินการก่อสร้างพระอุโบสถ แล้วพระราชทานนามวัดนี้ว่า "วัดมุจลินทวาปี-วิหาร" เพื่อให้สอดคล้องกับนามเมืองหนองจิก (มุจลินท หมายถึง ไม้จิก, วาปี หมายถึง หนองน้ำ) และได้พระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์แก่วัดมุจลินทรวาปีวิหารด้วย
พระยามุจลินทรฯ ได้มอบหมายให้หลวงจีนคณานุรักษ์ (จูล่าย) หัวหน้าชาวจีนเมืองตานีเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง และให้นายอินแก้ว รัตนศรีสุข เป็นนายช่าง เริ่มก่อสร้าง เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ เมื่อวันศุกร์ แรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีเดียวกัน มีผู้ร่วมพระราชกุศลสมทบรวมกับพระราชทรัพย์ที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานไว้ เป็นเงินค่าก่อสร้างรวมทั้งสิ้น ๒๔๐๕ เหรียญ กับ ๔ อัฐ
ในปี พ.ศ. ๒๔๘๘ สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จออกตรวจราชการมณฑลปักษ์ใต้ ทราบว่าพระอุโบสถวัดมุจลินทวาปีวิหารยังไม่มีพระประธาน ดังนั้นเมื่อพระองค์เสด็จกลับกรุงเทพฯ ก็ได้อัญเชิญพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย สมัยเชียงแสน หน้าตักกว้าง ๑ เมตร ๔ นิ้ว ซึ่งเป็นองค์หนึ่งในจำนวนพระพุทธรูปโบราณ ๑๒๔๘ องค์ ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช อัญเชิญมาจากสุโขทัยและหัวเมืองฝ่ายเหนือ ลงมาเก็บรักษาไว้ที่ระเบียงวัดพระเชตุพน-วิมลมังคลาราม มอบให้พระยาเพชราภิบาลนฤเบศรวาปีเขตมุจลินนฤบดินทร์สวามิภักดิ์ เจ้าเมืองหนองจิกนำมาประดิษฐานเป็นพระประธานประจำอุโบสถวัดมุจลินทวาปีวิหาร
วัดมุจลินทวาปีวิหาร มีโบราณสถาน โบราณวัตถุที่น่าสนใจ ดังนี้
๑. พระเจดีย์บรรจุพระสารีริกธาตุของสมเด็จพระอรหันต์ ซึ่งพระภิกษุแดง ได้มาจากประเทศพม่า
๒. พระหล่อโลหะรูปเหมือนพระอาจารย์นวล เจ้าอาวาสองค์ที่ ๓
๓. พระหล่อโลหะรูปเหมือนพระครูพิบูลย์สมณวัตร เจ้าอาวาสองค์ที่ ๔
๔. พระหล่อโลหะรูปเหมือนพระราชพุทธรังษี เจ้าอาวาสองค์ที่ ๕ และพระเครื่องพระบูชา เหรียญมงคล ของเกจิอาจารย์ทั้ง ๓ องค์
๕. วิหารยอดหรือมณฑปที่ประดิษฐานพระหล่อโลหะรูปเหมือน ของเจ้าอาวาสทั้ง ๓ องค์ ซึ่งสร้างเป็นสถาปัตยกรรมไทยที่ย่อส่วนมาจากพระที่นั่งไอสวรรค์ทิพย-อาสน์ ในพระราชวังบางปะอิน
๖. สถูปบรรจุพระอัฐิ ของพระยาวิเชียรภักดีศรีสงคราม (เกลี้ยง) ผู้ว่าราชการเมืองหนองจิก และเป็นผู้สร้างวัดมุจลินทวาปีวิหาร
วัดมุจลินทวาปีวิหาร ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดการศึกษาทั้งทางธรรมและทางโลกแห่งแรกของมณฑลปัตตานี ทางโลกหรือสายวิชาสามัญ ได้เปิดโรงเรียนสอนตามหลักสูตรชั้นประถมศึกษาสมัยนั้นขึ้น เมื่อวันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๔๔๔ ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๔๙ ทางราชการได้ย้ายโรงเรียนออกมาจากวัด มาดำเนินการตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ คือ โรงเรียนบ้านตุยง (เพชรานุกูล) ในปัจจุบัน สายธรรม เปิดโรงเรียนสอนธรรมศึกษาขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๓ ต่อมาปี พ.ศ. ๒๔๗๕ ก็ได้เปิดโรงเรียนปริยัติธรรมขึ้นอีก เพื่อสอนแผนกภาษาบาลี ต่อมาวัดได้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษาขึ้น เรียกว่า "โมลีธรรมพินิต" เพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระราชพุทธิรังษี (หลวงพ่อดำ) และได้รับอนุญาตให้ตั้งโรงเรียนปริยัติธรรมสามัญศึกษาขึ้นชื่อว่า "โรงเรียนมุจลินท์ปริยัติธรรม" สายสามัญศึกษา สังกัดกรมศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ เปิดทำการสอนครั้งแรกเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๑๘
ความสำคัญต่อชุมชน
วัดมุจลินทวาปีวิหาร เป็นพระอารามหลวงที่สำคัญมากวัดหนึ่งของจังหวัดปัตตานี เป็นศูนย์รวมทางจิตใจของชาวพุทธโดยทั่วไป ทางวัดได้จัดให้มีการปฏิบัติธรรมขึ้นทุกปี และมีพุทธ-บริษัทมาร่วมปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก ประชาชนทั่วไปรู้จักวัดนี้ได้จากอภินิหารของหลวงพ่อดำ ซึ่งทางวัดได้จัดทำพิธีพุทธาภิเษกพระเครื่องพระบูชา เหรียญมงคลของหลวงพ่อดำและพระเกจิอาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดมุจลินทวาปีวิหาร เพื่อให้พุทธบริษัทที่เลื่อมใสศรัทธาได้เก็บไว้เคารพบูชาโดยทั่วกัน
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
วัดมุจลินทวาปีวิหาร มีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ คือ
๑. พระเจดีย์บรรจุพระสารีริกธาตุ เป็นเจดีย์ใหญ่รูประฆังคว่ำ แบบลังกา ก่อด้วยอิฐถือปูน สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๙
๒. อุโบสถรูปทรงไทย ก่อด้วยอิฐถือปูน หลังคาทรงไทย ๓ ชั้น
๓. กุฏิเจ้าอาวาส เป็นกุฏิชั้นเดียว ทรงไทย ทำด้วยไม้เนื้อแข็ง
๔. มณฑปหรือวิหารยอด เป็นศาลาจตุรมุข ซึ่งจำลองมาจากปราสาทพระราชวังบางปะอิน
๕. พระพุทธปฏิมาประธาน เป็นพระประธานสมัยเชียงแสน (สิงห์ ๑) หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ อายุประมาณ ๘๐๐ ปี