ข้อมูล 5 จังหวัดชายแดนใต้ อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ประเภทแหล่งท่องเที่ยว
ข้อมูล ตำบลเบตง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
ข้อมูลทั่วไป
เส้นทางท่องเที่ยวโดยนักวิจัย
สถานที่ท่องเที่ยว
ประเภทธรรมชาติ
ประเภทประวัติศาสตร์ และศาสนา
ประเภทศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณี
การท่องเที่ยวโดยชุมชน
สันทนาการและการบันเทิง
เส้นทางท่องเที่ยวโดยทัวร์อื่นๆ
รายชื่อและที่ตั้งมัสยิด
รายชื่อมัสยิด
โรงแรม / ที่พัก
โรงแรม รีสอร์ท และสปา
ร้านอาหาร
ร้านอาหาร
ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ
อาหารและเครื่องดื่ม
ธุรกิจขนาดกลาง/ ขนาดย่อม
กลุ่มอาชีพ / สินค้า
สิ่งอำนวยความสะดวก
สถานีตำรวจ
โรงพยาบาล
การคมนาคม
การเดินทางเข้าสู่ตำบล
 

 

 

 

 

เส้นทางที่ 4ชมสุสานเจ้าเมือง สงขลา – ใจศรัทธาศาลเจ้าแม่ – แห่เที่ยวไม้เมืองหนาว สุสานสุลต่านโมกุล ณ มรหุ่ม – หาดสมิหลา – เบตง – อุโมงค์ปิยะมิตร – สวนดอกไม้เมืองหนาว บ่อน้ำร้อน – วัดคูหาภิมุข – เจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว – มัสยิดกลางปัตตานี – มัสยิดกรือแซะ
 
 
ข้อมูลทั่วไป :

กำหนดการเดินทาง

วันที่แรก สงขลา – เบตง  

  • 08.00 น. คณะออกเดินทางจากหาดใหญ่ สู่สงขลา
  • 09.00 น. เยี่ยมมัสยิดกลางความสวยงามของมัสยิดกลางสงขลา จากนั้นเดินทางสู่หัวเขาแดง
  • 10.30 น. เยี่ยมชมสุสาน ของสุลต่านโมกุล ณ มรหุ่ม หัวเขาแดง  อ.สิงหนคร ที่ฝังศพของสุลต่านสุไลมาน เป็นที่รู้จักกันในนามของ "ทวดหุ่มหรือมรหุ่ม" ประชาชนทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม ให้ความเคารพนับถือกันมากในฐานะที่เป็นทวดหรือเทวดา
  • 11.00 น.    ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับนางเงือก ณ หาดสมิหลา และหัวพญานาคพ่นน้ำ ณ แหลมสนอ่อน ปากน้ำสงขลา  1130 จากนั้นเดินทางเข้าหาดใหญ่ 
  • 12.00 น. บริการอาหาร  ณ ร้านเจ๊ะการ์ และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา  จากนั้น จากนั้นเดินทางสู่ อ.เบตง จ.ยะลา
  • 16.00 น. ถึงเบตง ชมทัศนียภาพยามเช้าของเมืองเบตง “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม” บนเขา สวนสาธารณะเบตง
  • 16.30 น. ถ่ายรูปคู่กับไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ บริเวณหน้าหอนาฬิกา  ตู้เดิมตั้งอยู่ที่บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467 ตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จุดประสงค์ที่สร้างไว้ในครั้งแรกก็เพื่อใช้เป็นที่กระจายข่าวสารบ้านเมืองให้ชาวเมืองเบตงได้รับฟัง จากวิทยุที่ฝังอยู่ส่วนบนของตู้ และใช้เป็นตู้ไปรษณีย์มาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันได้มีการสร้างตู้ไปรษณีย์ขึ้นใหม่ใหญ่กว่าเดิมที่บริเวณศาลาประชาคม ถนนสุขยางค์ มีความสูงประมาณ 9 เมตร เป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
  • 18.00 น. บริการอาหาร  ณ ครัวฮาลาล
  • 18.45 น. จากนั้นนั่งรถชมเมืองเบตงยามค่ำคืน เดินทางเข้าที่พัก และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา  

วันที่สอง เบตง – ยะลา  

  • 07.30 น. รับประทานอาหารเช้าติ่มซำ ในบรรยากาศวัฒนธรรมพื้นบ้านของชาวจีนเมืองเบตง
  • 08.30 น. ชมอุโมงค์ปิยะมิตร ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของโจรจีนคอมมิวนิสต์ในการหลบภัยทางอากาศ และสะสมเสบียง เมื่อปี พ.ศ. 2519 ก่อนที่จะเข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย
  • 10.30 น. เข้าชมโครงการสวนไม้ดอกเมืองหนาวแหล่งท่องเที่ยวงดงามใต้สุดแดนสยามชมดอกเมืองหนาวนานาชนิดท่ามกลางภูเขาบริเวณหมู่บ้านปิยะมิตร 2 
  • 12.00 น. บริการอาหาร ณ ร้านฮาลาล คิสเช่น และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา   จากนั้นเดินทางต่อ
  • 13.00 น. ชมและพักผ่อนที่บ่อน้ำร้อนซึ่งเชื่อกันว่าความร้อนของกรดกำมะถันสามารถแก้โรค    เหน็บชาช่วยให้เลือดลมและกล้ามเนื้อผ่อนคลาย
  • 16.00 น. เดินทางถึง จ.ยะลา แวะซื้อของฝากชื่อดังเบตง เฉาก๊วย กม. 4 และกล้วยหินฉาบและกล้วยหินสดที่มีชื่อเสียง บ้านหน้าถ้ำ อ.บันนังสตา
  • 16.30 น. แวะถ่ายรูปกับทะเลสาบบนภูเขาที่เขื่อนบางลาง 
  • 18.00 น. บริการอาหาร ณ ครัวอิสลาม เข้าที่พักที่จังหวัดยะลา  และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา  

วันที่สาม ยะลา – หาดใหญ่  

  • 07.30 น. บริการอาหาร  ณ ที่พัก จากนั้น
  • 08.30 น. เยี่ยชมพระพุทธไสยาสน์ ณ วัดคูหาภิมุข หรือวัดหน้าถ้ำซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามปูชนียสถานที่สำคัญของภาคใต้ ชมหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ และพิพิธภัณฑ์ศรีวิชัย
  • 09.00 น. เยี่ยมหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานีเป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปีคนทั่วไปให้ความเลื่อมใสศรัทธาในปาฏิหาริย์และบุญญาบารมีของท่าน 
  • 10.30 น. แวะซื้อสินค้า OTOP ของอำเภอโคกโพธิ์อาทิ กล้วยเส้นปรุงรส ของดีบ้านทรายขาว
  • 12.00 น. บริการอาหาร ณ ห้องอาหารบุหงารายา  และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา   ณ ตัวเมืองปัตตานี จากนั้น
  • 13.30 น. แวะชมเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ณ ศาลเจ้าเล่งจูเกียง เป็นศาลที่ประดิษฐานรูปแกะสลัก ของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พระหมอ เจ้าแม่ทับทิม ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวจีนและชาวไทยโดยทั่วไปมาก ประวัติการสร้างหรือความเป็นมาของศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มีการเล่าสืบต่อๆ กันมาเป็นตำนานที่เกี่ยวกับประวัติเมืองปัตตานี
  • 14.00 น. ชมมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี นับว่าเป็นมัสยิดที่สวยงามและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกรูปทรงคล้ายกับ “ทัชมาฮาล” ประเทศอินเดีย ให้คณะได้ปฏิบัติศาสนกิจ  ซึ่งสร้างในปี พ.ศ. 2497 ใช้เวลาดำเนินการสร้างประมาณ 9 ปี เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการประกอบ ศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกมีรูปทรงคล้ายกับทัชมาฮาลของอินเดีย ตรงกลางอาคารมียอดโดมขนาดใหญ่และมีโดมบริวาร 4 ทิศ มีหอคอยอยู่สองข้าง บริเวณด้านหน้ามัสยิดมีสระน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ภายในมัสยิดมีลักษณะเป็นห้องโถง มีระเบียงสองข้างภายในห้องโถงด้านในมีบัลลังก์ทรงสูงและแคบ
  • 15.30 น. ชมมัสยิดกรือเซะมรดกอารยธรรมแห่งมหานครปัตตานีชมสถาปัตยกรรมแบบตะวันออกกลางสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย มัสยิดกรือแซะ มรดกอารยะธรรมแห่งมหานครปัตตานีชมสถาปัตยกรรมแบบตะวันออกกลาง มัสยิดกรือเซ๊ะ หรือมัสยิดปินตูกรือบัง ได้เป็นโบราณสถานและทำการบูรณะ เมื่อปี พ.ศ.2478 และได้ทำการบูรณะอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2500 และในปี พ.ศ.2525 ได้ทำการบูรณะอีกครั้งเนื่องในโอกาสสมโภชน์ กรุงรัตนโกสินทร์ สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างก็คือ ศีลปะของมัสยิดกรือเซ๊ะ เป็นศิลปะแบบเปอร์เซีย ไม่ว่าจะเป็นซุ้มโค้งประตูหรือเมี๊ยะรอบ ล้วนแล้วแต่เป็นทรงและศีลปแบบเปอร์เซียทั้งสิ้น มัสยิดกรือเซะยังคงถูกบันทึกว่าเป็นมัสยิดที่งดงามภายในมัสยิดมีลวดลายอันวิจิตร บนยอดโดมของมัสยิดกรือเซะหุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์
  • 18.00 น. เดินทางสู่ หาดใหญ่ เพื่อเดินทางกลับ

***โปรแกรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม***

 

 

แผนที่ : 
 

 

 

 

   
หน้าหลัก | ข้อมูล 5 จังหวัดชายแดนใต้ | เส้นทางท่องเที่ยวอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | เส้นทางท่องเที่ยว 5 จังหวัดชายแดนใต้ | รายงานสรุปแต่ละจังหวัด
 
ผู้รับผิดชอบแผนงานวิจัย
รองศาสตราจารย์ ดร.ศรัณยา บุนนาค คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
181 ถนนเจริญประดิษฐ์ หมู่ที่ 6 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 94000
มือถือ 081-6980383 โทรศัพท์ +66-73-313-929 Fax+ 66-73-312-232
E-mail Address : saranya.b@psu.ac.th; bsaranya70@hotmail.com
---------------------
Developed and Designed by ME-FI dot com