|
เส้นทางที่ 4ชมสุสานเจ้าเมือง สงขลา – ใจศรัทธาศาลเจ้าแม่ – แห่เที่ยวไม้เมืองหนาว สุสานสุลต่านโมกุล ณ มรหุ่ม – หาดสมิหลา – เบตง – อุโมงค์ปิยะมิตร – สวนดอกไม้เมืองหนาว บ่อน้ำร้อน – วัดคูหาภิมุข – เจ้าแม่ลิ้มก่อเหนี่ยว – มัสยิดกลางปัตตานี – มัสยิดกรือแซะ |
|
|
|
ข้อมูลทั่วไป : |
กำหนดการเดินทาง
วันที่แรก สงขลา – เบตง
- 08.00 น. คณะออกเดินทางจากหาดใหญ่ สู่สงขลา
- 09.00 น. เยี่ยมมัสยิดกลางความสวยงามของมัสยิดกลางสงขลา จากนั้นเดินทางสู่หัวเขาแดง
- 10.30 น. เยี่ยมชมสุสาน ของสุลต่านโมกุล ณ มรหุ่ม หัวเขาแดง อ.สิงหนคร ที่ฝังศพของสุลต่านสุไลมาน เป็นที่รู้จักกันในนามของ "ทวดหุ่มหรือมรหุ่ม" ประชาชนทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิม ให้ความเคารพนับถือกันมากในฐานะที่เป็นทวดหรือเทวดา
- 11.00 น. ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับนางเงือก ณ หาดสมิหลา และหัวพญานาคพ่นน้ำ ณ แหลมสนอ่อน ปากน้ำสงขลา 1130 จากนั้นเดินทางเข้าหาดใหญ่
- 12.00 น. บริการอาหาร ณ ร้านเจ๊ะการ์ และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา จากนั้น จากนั้นเดินทางสู่ อ.เบตง จ.ยะลา
- 16.00 น. ถึงเบตง ชมทัศนียภาพยามเช้าของเมืองเบตง “เมืองในหมอก ดอกไม้งาม” บนเขา สวนสาธารณะเบตง
- 16.30 น. ถ่ายรูปคู่กับไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ บริเวณหน้าหอนาฬิกา ตู้เดิมตั้งอยู่ที่บริเวณสี่แยกหอนาฬิกาใจกลางเมืองเบตง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2467 ตั้งแต่ก่อนสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง จุดประสงค์ที่สร้างไว้ในครั้งแรกก็เพื่อใช้เป็นที่กระจายข่าวสารบ้านเมืองให้ชาวเมืองเบตงได้รับฟัง จากวิทยุที่ฝังอยู่ส่วนบนของตู้ และใช้เป็นตู้ไปรษณีย์มาจนทุกวันนี้ ปัจจุบันได้มีการสร้างตู้ไปรษณีย์ขึ้นใหม่ใหญ่กว่าเดิมที่บริเวณศาลาประชาคม ถนนสุขยางค์ มีความสูงประมาณ 9 เมตร เป็นจุดเด่นที่นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
- 18.00 น. บริการอาหาร ณ ครัวฮาลาล
- 18.45 น. จากนั้นนั่งรถชมเมืองเบตงยามค่ำคืน เดินทางเข้าที่พัก และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา
วันที่สอง เบตง – ยะลา
- 07.30 น. รับประทานอาหารเช้าติ่มซำ ในบรรยากาศวัฒนธรรมพื้นบ้านของชาวจีนเมืองเบตง
- 08.30 น. ชมอุโมงค์ปิยะมิตร ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของโจรจีนคอมมิวนิสต์ในการหลบภัยทางอากาศ และสะสมเสบียง เมื่อปี พ.ศ. 2519 ก่อนที่จะเข้ามาเป็นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย
- 10.30 น. เข้าชมโครงการสวนไม้ดอกเมืองหนาวแหล่งท่องเที่ยวงดงามใต้สุดแดนสยามชมดอกเมืองหนาวนานาชนิดท่ามกลางภูเขาบริเวณหมู่บ้านปิยะมิตร 2
- 12.00 น. บริการอาหาร ณ ร้านฮาลาล คิสเช่น และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา จากนั้นเดินทางต่อ
- 13.00 น. ชมและพักผ่อนที่บ่อน้ำร้อนซึ่งเชื่อกันว่าความร้อนของกรดกำมะถันสามารถแก้โรค เหน็บชาช่วยให้เลือดลมและกล้ามเนื้อผ่อนคลาย
- 16.00 น. เดินทางถึง จ.ยะลา แวะซื้อของฝากชื่อดังเบตง เฉาก๊วย กม. 4 และกล้วยหินฉาบและกล้วยหินสดที่มีชื่อเสียง บ้านหน้าถ้ำ อ.บันนังสตา
- 16.30 น. แวะถ่ายรูปกับทะเลสาบบนภูเขาที่เขื่อนบางลาง
- 18.00 น. บริการอาหาร ณ ครัวอิสลาม เข้าที่พักที่จังหวัดยะลา และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา
วันที่สาม ยะลา – หาดใหญ่
- 07.30 น. บริการอาหาร ณ ที่พัก จากนั้น
- 08.30 น. เยี่ยชมพระพุทธไสยาสน์ ณ วัดคูหาภิมุข หรือวัดหน้าถ้ำซึ่งถือเป็นหนึ่งในสามปูชนียสถานที่สำคัญของภาคใต้ ชมหินงอกหินย้อยภายในถ้ำ และพิพิธภัณฑ์ศรีวิชัย
- 09.00 น. เยี่ยมหลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานีเป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปีคนทั่วไปให้ความเลื่อมใสศรัทธาในปาฏิหาริย์และบุญญาบารมีของท่าน
- 10.30 น. แวะซื้อสินค้า OTOP ของอำเภอโคกโพธิ์อาทิ กล้วยเส้นปรุงรส ของดีบ้านทรายขาว
- 12.00 น. บริการอาหาร ณ ห้องอาหารบุหงารายา และปฏิบัติภารกิจทางศาสนา ณ ตัวเมืองปัตตานี จากนั้น
- 13.30 น. แวะชมเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ณ ศาลเจ้าเล่งจูเกียง เป็นศาลที่ประดิษฐานรูปแกะสลัก ของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พระหมอ เจ้าแม่ทับทิม ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวจีนและชาวไทยโดยทั่วไปมาก ประวัติการสร้างหรือความเป็นมาของศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มีการเล่าสืบต่อๆ กันมาเป็นตำนานที่เกี่ยวกับประวัติเมืองปัตตานี
- 14.00 น. ชมมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี นับว่าเป็นมัสยิดที่สวยงามและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกรูปทรงคล้ายกับ “ทัชมาฮาล” ประเทศอินเดีย ให้คณะได้ปฏิบัติศาสนกิจ ซึ่งสร้างในปี พ.ศ. 2497 ใช้เวลาดำเนินการสร้างประมาณ 9 ปี เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการประกอบ ศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกมีรูปทรงคล้ายกับทัชมาฮาลของอินเดีย ตรงกลางอาคารมียอดโดมขนาดใหญ่และมีโดมบริวาร 4 ทิศ มีหอคอยอยู่สองข้าง บริเวณด้านหน้ามัสยิดมีสระน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ภายในมัสยิดมีลักษณะเป็นห้องโถง มีระเบียงสองข้างภายในห้องโถงด้านในมีบัลลังก์ทรงสูงและแคบ
- 15.30 น. ชมมัสยิดกรือเซะมรดกอารยธรรมแห่งมหานครปัตตานีชมสถาปัตยกรรมแบบตะวันออกกลางสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย มัสยิดกรือแซะ มรดกอารยะธรรมแห่งมหานครปัตตานีชมสถาปัตยกรรมแบบตะวันออกกลาง มัสยิดกรือเซ๊ะ หรือมัสยิดปินตูกรือบัง ได้เป็นโบราณสถานและทำการบูรณะ เมื่อปี พ.ศ.2478 และได้ทำการบูรณะอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2500 และในปี พ.ศ.2525 ได้ทำการบูรณะอีกครั้งเนื่องในโอกาสสมโภชน์ กรุงรัตนโกสินทร์ สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างก็คือ ศีลปะของมัสยิดกรือเซ๊ะ เป็นศิลปะแบบเปอร์เซีย ไม่ว่าจะเป็นซุ้มโค้งประตูหรือเมี๊ยะรอบ ล้วนแล้วแต่เป็นทรงและศีลปแบบเปอร์เซียทั้งสิ้น มัสยิดกรือเซะยังคงถูกบันทึกว่าเป็นมัสยิดที่งดงามภายในมัสยิดมีลวดลายอันวิจิตร บนยอดโดมของมัสยิดกรือเซะหุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์
- 18.00 น. เดินทางสู่ หาดใหญ่ เพื่อเดินทางกลับ
***โปรแกรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม***
|
|
|
|
แผนที่ : |
|
|
|
|