หาดชลาทัศน์ เป็นชายหาดที่ยาวต่อเนื่องมาจากหาดสมิหลาโดยมีแหลมสมิหลาเป็นจุดแบ่ง มีหาดทรายที่ขาวสะอาดเล่นน้ำได้ตลอดแนว ลักษณะของหาดค่อนข้างเป็นเส้นตรง มีถนนชลาทัศน์เลียบแนวชายหาดและมีแนวต้นสนให้ความร่มรื่นยาวตลอดหาด เนื่องจากหาดหันไปทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงเช้าจึงพอจะใช้เป็นที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นได้ด้วย
จุดดที่น่าสนใจของหาดชลาทัศน์ คือช่วงกลางของหาดมีเวทีประชาชนเทศบาลนครสงขลา เป็นสวนสาธารณะที่พักผ่อนหย่อนใจโดยการสร้างสนามเด็กเล่นระหว่างแนวต้นสน เป็นสถานที่ฝึกซ้อมวอลเลย์บอลชายชายหาดของนักกีฬา ช่วงเช้าและเย็นมีประชาชนมาปั่นจักรยานบนถนนชาทัศน์ ด้านทิศเหนือสุดแนวหาดเชื่อมต่อกับแหลมสมิหลามีวงเวียนรูปปั้นคนอ่านหนังสือเพื่อให้คนไทยรักการอ่าน สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือหางพญานาคที่สร้างส่วนเศียรไว้ที่สวนสองทะเล ส่วนกลางลำตัวหรือสะดือพญานาคอยู่บริเวณสี่แยกสระบัว ระยะจากเศียรถึงส่วนหางประมาณ 4 กิโลเมตร
พระอาทิตย์ขึ้นที่หาดชลาทัศน์ เป็นครั้งแรกที่ได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นในสงขลา หลังจากพยายามมคิดหาสถานที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยๆ เพื่อเอารูปมาฝากผู้ชมสรุปว่าหาดชลาทัศน์แห่งนี้เป็นสถานที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยพอสมควร การเดินทางจากตัวเมืองสงขลามายังหาดชลาทัศน์มาได้หลายเส้นทาง โดยหลักๆ แล้วจะใช้ถนนราชดำเนิน ถนนราชดำเนินนอก ซึ่งมีเส้นทางเชื่อมไปยังถนนชลาทัศน์ได้หลายสาย เช่นถนนสะเดา ถนนปละท่า ถนนทะเลหลวง และถนนเก้าแสน มุมที่จะชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยๆ หน่อยแบบมีองค์ประกอบในภาพอย่างเช่นแหลมด้านขวามือในภาพก็ต้องมาสุดชายหาดด้านทิศใต้ใกล้ๆ ถนนเก้าแสน
หางพญานาค ส่วนหางของพญานาคนี้สร้างเพื่อความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองแก่เมืองสงขลาโดยนายอุทิศ ชูช่วย นายกเทศมนตรีนครสงขลามีความคิดที่จะสร้างขึ้นจึงให้อาจารย์มนตรี สังข์มุสิกานนท์ อาจารย์มหาวิทยาลัยทักษิน เป็นผู้ดำเนินการออกแบบ โดยแบ่งพญานาคออกเป็นสามส่วน สำหรับส่วนหางซึ่งหมายถึง "บริวารที่พรั่งพร้อมของชาวสงขลา" นี้สร้างไว้ที่หาดชลาทัศน์ ในปี พ.ศ. 2549 สำหรับนาคหรือพญานาค เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดน้ำ ความยิ่งใหญ่แห่งน้ำ เป็นเทพเจ้าแห่งการให้น้ำ และความอุดมสมบูรณ์แก่สรรพชีวิตทั้งปวง ชาวใต้มีความเชื่อว่า นาคหรือพญานาค จะพ่นโปรยน้ำทิพย์มาชโลมไล้ให้มนุษย์มีความสุขสดชื่น ชำระล้างมลทินทั้งกายและทางใจ ชาวภาคใต้นับถือนาคหรือพญานาค เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกราบไหว้ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของตนสืบไป
เนื้อวัตถุเป็นโลหะทองเหลืองรมสนิมเขียวออกแบบ โดย อาจารย์มนตรี สังข์มุสิกานนท์ (รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณคนปัจจุบัน) มีการสร้างขึ้นเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่หนึ่ง หัวพญานาค ตั้งอยู่บริเวณสวนสองทะเล ปลายแหลมสนอ่อน มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลำตัว 1.20 เมตร ความสูงจากฐานลำตัวจนถึงปลายยอดสุดประมาณ 9 เมตร พ่นน้ำลงสู่ปากอ่าวทะเลสาบสงขลา ส่วนที่สอง สะดือพญานาค ตั้งอยู่บริเวณลานชมดาวสนามสระบัว แหลมสมิหลา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลำตัว 1.20 เมตร ความยาว 5.00 เมตร ความสูง 2.50 เมตร ลักษณะลำตัวโค้งครึ่งวงกลม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลอด ใต้สะดือพญานาคให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ส่วนที่สาม หางพญานาค ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.20 เมตร ความยาว 4.00 เมตร ความสูง 4.50 เมตรปัจจุบันประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เข้ามาเยี่ยมเยือน จังหวัดสงขลา
(ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก http://www.touronthai.com/) |