สวนสองทะเล เป็นสวนสาธารณะอยู่ระหว่างท่าแพขนานยนต์สงขลาและศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ สิ่งที่น่าสนใจในสวนสองทะเลคือเป็นจุดที่อยู่ระหว่างทะเลสาบสงขลาและทะเลฝั่งอ่าวไทย มีทิวทัศน์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของจังหวัดสงขลา มีการสร้างส่วนเศียรหรือส่วนหัวของพญานาค เพื่อความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรืองแก่เมืองสงขลาโดยนายอุทิศ ชูช่วย นายกเทศมนตรีนครสงขลามีความคิดที่จะสร้างขึ้นจึงให้อาจารย์มนตรี สังข์มุสิกานนท์ อาจารย์มหาวิทยาลัยทักษิน เป็นผู้ดำเนินการออกแบบ โดยแบ่งพญานาคออกเป็นสามส่วน สำหรับส่วนหัวซึ่งหมายถึง "สติปัญญาอันเป็นเลิศของชาวสงขลา" สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2549
สำหรับนาคหรือพญานาค เชื่อกันว่าเป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดน้ำ ความยิ่งใหญ่แห่งน้ำ เป็นเทพเจ้าแห่งการให้น้ำ และความอุดมสมบูรณ์แก่สรรพชีวิตทั้งปวง ชาวใต้มีความเชื่อว่า นาคหรือพญานาค จะพ่นโปรยน้ำทิพย์มาชโลมไล้ให้มนุษย์มีความสุขสดชื่น ชำระล้างมลทินทั้งกายและทางใจ ชาวภาคใต้นับถือนาคหรือพญานาค เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกราบไหว้ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของตนสืบไป
ส่วนหัวของพญานาคจะมีน้ำพ่นออกมาทุกวันเวลาประมาณ 8.00 น.
ส่วนสะดือพญานาคอยู่บริเวณระหว่างแหลมสนอ่อนและหาดสมิหลา ส่วนหางพญานาคอยู่ที่หาดชลาทัศน์ รวมความยาว ประมาณ 4 กิโลเมตร
พญานาคสวนสองทะเล ด้านหน้าพญานาคเป็นท่าเรือสงขลา ท่าเรือที่สำคัญในการขนส่งสินค้าและสงขลาเป็นหน่วยงานศุลกากรเขต ๔ ดูแลภาคใต้ทั้งหมด หากมาถึงก่อนเวลา 8.00 น. พญานาคยังไม่พ่นน้ำ
เนื้อวัตถุเป็นโลหะทองเหลืองรมสนิมเขียวออกแบบ โดย อาจารย์มนตรี สังข์มุสิกานนท์ (รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยทักษิณคนปัจจุบัน) มีการสร้างขึ้นเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนที่หนึ่ง หัวพญานาค ตั้งอยู่บริเวณสวนสองทะเล ปลายแหลมสนอ่อน มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลำตัว 1.20 เมตร ความสูงจากฐานลำตัวจนถึงปลายยอดสุดประมาณ 9 เมตร พ่นน้ำลงสู่ปากอ่าวทะเลสาบสงขลา ส่วนที่สอง สะดือพญานาค ตั้งอยู่บริเวณลานชมดาวสนามสระบัว แหลมสมิหลา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลำตัว 1.20 เมตร ความยาว 5.00 เมตร ความสูง 2.50 เมตร ลักษณะลำตัวโค้งครึ่งวงกลม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ลอด ใต้สะดือพญานาคให้เกิดความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง ส่วนที่สาม หางพญานาค ตั้งอยู่บริเวณชายหาดสมิหลา ริมถนนสะเดา (หลังสนามกอล์ฟ) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.20 เมตร ความยาว 4.00 เมตร ความสูง 4.50เมตรปัจจุบันประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่เข้ามาเยี่ยมเยือน จังหวัดสงขลา
(ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก http://www.touronthai.com/) |