อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองหาดใหญ่ การเดินทางก็ไม่ได้ลำบาก ง่ายๆ แวะลงจากถนนลพบุรีราเมศวร์ บริเวณคลองแหไปตามเส้นทางที่จะไปหมู่บ้านสงขลาลากูนา ถนนเส้นนี้จะลาดยางตลอดช่วงปลายอาจมีปัญหาถนนแคบและขุรขระบ้าง แต่สองข้างทางก็งดงามด้วยดงตาล และทุ่งนา เห็นฝูงควายอันเป็นสัญลักษณ์แห่งวิถีเก่า ส่วนภาพนากุ้งมาแทนที่สลับฉากบ้าง

แหลมโพธิ์ อยู่ในเขตคูเต่าอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นชายหาดริมทะเลสาบสงขลา ถ้าเรานั่งอยู่ที่นี่ จะเห็นฝั่งตรงข้าม ก็คือเกาะยอในอดีตคนสองฝั่งจึงมีความสัมพันธ์กันอย่างลึก ซึ้ง ทางด้านวัฒนธรรมประเพณี

บริเวณที่เรียกว่าแหลมโพธิ์ ปัจจุบันเป็นสำนักสงฆ์ พื้นที่ราว 7 ไร่ พระเลื่อน ครุฑธรรม หัวหน้าสำนักสงฆ์แหลมโพธิ์ เล่าว่า มีความเห็นที่ไม่ตรงกัน ระหว่างองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)คูเต่า ที่อยากส่งเสริมให้สถานที่ดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่อีกด้านหนึ่งสถานที่แห่งนี้ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมและกิจของสงฆ์มากว่า 20 ปี ทั้งสองส่วนจึงจะต้องอยู่ร่วมกัน ผู้ที่เดินทางไปยังสถานที่แห่งนี้จึงจำเป็นที่จะต้องเคารพสถานที่และมีความ สำรวมโดยเฉพาะในเขตของสงฆ์

มองในมุมหนึ่ง การเดินทางไปเที่ยวแหลมโพธิ์ นอกจากได้ชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามริมฝั่งทะเลสาบสงขลา ยังได้ใกล้ชิดความสงบ แห่งธรรมของพระพุทธศาสนาอีกด้วย มีโอกาสที่นักท่องเที่ยวจะได้ไหว้พระพุทธรูปขนาดใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ ได้ทำบุญจิตใจอิ่มเอิบ และยังมีศูนย์เรียนรู้ของชุมชนรูปแบบของพิพิธภัณฑ์ที่ได้รวบรวมวิถีชาวบ้าน ละแวกนี้มารวมอยู่ในสำนักสงฆ์แห่งนี้

เสร็จกิจธุระในวัดพอเป็นมงคลแก่ตัวเอง หลายคนเลือกจะไปนั่งอยู่ใต้ทิวสน ที่ปลูกเป็นทิวแถวให้ร่มเงา หรือไม่เดินลงไปยังศาลากลางน้ำ ที่มีสะพานไม้ทอดไปสู่ เพื่อทอดใจรับสายลมเย็นเอื่อยแห่งท้องทะเลอันไพศาลมีประติมากรรมจัดวางเป็น ระเบียบอยู่ในพื้นน้ำเป็นเครื่องมือประมง ฟังเสียงลม เสียงคลื่น รับอากาศบริสุทธิ์คุณอาจจะหลับผล็อยไปโดยไม่รู้ตัว จนกว่าจะมีเรือประมงพื้นบ้าน วิ่งผ่านมาอีกลำ คุณอาจจะได้ทักทายเขาชาวบ้านที่มีความเป็นมิตร เป็นกันเองคุณอาจขอซื้อปลา ที่เขาเพิ่งจับมาได้

ทางด้านหนึ่งของวัด ที่อยู่ปากคลองอู่ตะเภา ผู้ใคร่ศึกษาธรรมชาติของป่าชายเลนเพียงแต่เดินลัดเลาะไปเหงื่อยังไม่ทันชุ่ม ก็จะได้พบกับป่าโกงกางที่มีรากชี้ขึ้นบนฟ้า เด็กที่ห่างทะเลจะได้ความรู้ใหม่อีกบทหนึ่งของเขา ริมชายคลองที่เชื่อมต่อกับทะเลสาบสงขลา เราจะเห็นระบบนิเวศวิทยาที่หลากหลาย อีกแบบหนึ่ง

ด้วยความหลงใหลในธรรมชาติอันสวยงาม ความสงบเงียบ นักท่องเที่ยวนิยมพาสำรับกับข้าวมานั่งปูเสื่อกินบนหาดทรายหรือใครมาก่อนได้ จับจองนั่งบนศาลากลางน้ำก็ถือว่าวิเศษสุด แต่ทุกวันนี้ใครมาเที่ยวแหลมโพธิ์ ไม่จำเป็นต้องเตรียมของไปจากบ้านให้ยุ่งยาก มาแต่ตัวกับเงินในกระเป๋านิดหน่อย เพราะเดี๋ยวนี้ริมฝั่งทะเลเลยจากเขตสงฆ์ออกไปมีร้านอาหารผุดขึ้น 10 กว่าร้านพร้อมบริการอาหารเครื่องดื่ม และจัดที่นั่งให้เลือก ไม่ว่าจะนั่งบนหาดทรายหรือ นั่งในขนำเล็กๆ ที่ถูกจัดอย่างเป็นสัดส่วน เป็นมุมส่วนตัวที่อยู่กลางน้ำ มีสะพานไม้ทอดไปถึง ใครตกสะพานก็ไม่ต้องกลัวเพราะทะเลแถวนี้ตื้น ถ้าตกน้ำก็รีบขึ้นก็ไม่มีทางจมน้ำ