ข้อมูล 5 จังหวัดชายแดนใต้ อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) ประเภทแหล่งท่องเที่ยว
ข้อมูล ตำบลบ่อยาง อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา
ข้อมูลทั่วไป
เส้นทางท่องเที่ยวโดยนักวิจัย
สถานที่ท่องเที่ยว
ประเภทธรรมชาติ
ประเภทประวัติศาสตร์ และศาสนา
ประเภทศิลปะ วัฒนธรรม และประเพณี
การท่องเที่ยวโดยชุมชน
สันทนาการและการบันเทิง
สถานที่ท่องเที่ยวเชิงวิชาการ
การท่องเที่ยวกลางคืน
เส้นทางท่องเที่ยวโดยทัวร์อื่นๆ
รายชื่อและที่ตั้งมัสยิด
รายชื่อมัสยิด
โรงแรม / ที่พัก
โรงแรม รีสอร์ท และสปา
คอนโด อพาร์ทเม้นต์ และแมนชั่น
ผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ
อาหารและเครื่องดื่ม
ศิลปะหัตถกรรม
เครื่องสำอาง
ธุรกิจขนาดกลาง/ ขนาดย่อม
กลุ่มอาชีพ / สินค้า
สิ่งอำนวยความสะดวก
สถานีตำรวจ
โรงพยาบาล
การคมนาคม
การเดินทางเข้าสู่ตำบล
 

 

 

 

 

เที่ยวเมืองสงขลา ตอนที่ 1 สมิหลา เขาตังกวน
 
 
ข้อมูลทั่วไป :

หากพูดถึง จังหวัดสงขลา เรามักจะนึกถึงความมีชื่อเสียงของเมืองการค้าชื่อดังนั่นคือ หาดใหญ่   น้อยคนนักที่จะนึกถึงตัวเมืองสงขลา  หลายคนอาจจะรู้จักเมืองสงขลามาบ้างไม่มากก็น้อย สำหรับฉันความทรงจำเกี่ยวกับสงขลามีแค่ หาดสมิหลา รูปปั้นนางเงือก สถานที่ท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนครั้งยังเป็นเด็ก จนทุกวันนี้ก็จำความอะไรไม่ได้แล้ว อาจเป็นเพราะเมืองสงขลาไม่ใช่เมืองท่องเที่ยวยอดฮิต เพราะฉะนั้นตัวเมืองสงขลามีอะไรน่าเที่ยว มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แค่ไหน เดินทางไปแต่ละแห่งอย่างไร ไปถึงจะเริ่มต้นเที่ยวและถ่ายภาพจากที่ไหนก่อนดี ฉันแทบไม่รู้มืดแปดด้าน เพราะฉะนั้นก่อนเดินทางปฎิบัติการค้นหาข้อมูลอย่างหนักจึงเริ่มขึ้น รายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งเริ่มปรากฎขึ้นมาให้ชัดขึ้น  พร้อมแล้วหรือยังค่ะ ถ้าพร้อมแล้วเรามาเดินทางท่องเที่ยวและรู้จักเมืองสงขลาให้มากขึ้น รับรอง ว่าหลังจากที่คุณอ่านรีวิวนี้จบ คุณจะหลงรักเมืองสงขลาเหมือนที่ฉันหลงรักและเทใจให้เมืองที่แสนอบอุ่นและมีเสน่ห์เมืองนี้ให้อย่างเกินร้อยแน่นอนค่ะ

เที่ยวสงขลา

ตอนแรกก็คิดว่าจะเลือกพักที่ไหนดีหนอที่จะเดินทางสะดวกและอยู่ไม่ไกลจากเกาะยอมากเพราะตั้งใจจะไปถ่ายพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในยามเย็นที่นั่น  พยายามหาข้อมูลและรีวิวสะดุดตากับที่นี่ ธนาวดี รีสอร์ท ห่างจากตัวเมืองสงขลามาประมาณ 20 นาที เป็นที่พักที่ถือว่าคุณภาพเกินราคา เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้ง แอร์ ทีวี ตู้เย็น ห้องพักก็สะอาดตกแต่งน่ารัก 

ที่เก๋ไก๋ คือ ห้องน้ำที่กว้างขวางจะมีมุมนึงเป็นแบบโอเพ่นแอร์ อาบน้ำไปดูท้องฟ้าไป ทั้งหมดนี้ ในราคาคืนละ 600 บาทเท่านั้น  คุ้มเกินคุ้มจริง  โลเคชั่นอาจจะอยู่ห่างออกมานอกเมืองซักหน่อย แต่ถ้าอยากเดินทางไปไหนก็ไม่ต้องห่วงเรื่องรถ เพราะที่พักอยู่ไม่ไกลจากถนนใหญ่ มีรถโดยสารท้องถื่นวิ่งผ่านตลอด

มาถึงเรื่องกินบ้างมาเที่ยวเมืองคนใต้ เราก็ต้องกินข้าวแกงปักษ์ใต้ นำเสนอร้านนี้ ร้านเขาน้อย ได้รับการแนะนำจากคุณลุงคนขับรถอีกทีว่ารสชาติอร่อยมาก เป็นร้า้นชื่อดังของเมืองสงขลา ตั้งอยู่ในตัวเมืองได้ลิ้มลองรสชาติแล้วสุดบรรยายเพราะอร่อยมากตามคำแนะนำ

ร้านข้าวแกงปักษ์ใต้ เขาน้อย สงขลา
วันแรกที่มาถึงสงขลา บอกตามตรงไม่รู้ว่าจะต้องเดินทางอย่างไรดี ประกอบกับมาทำงานด้วย ต้องไล่เก็บภาพสถานที่ท่องเที่ยวให้ครบ เพื่อความรวดเร็วและความชัวร์จึงเหมารถท้องถิ่นนำเที่ยวทั้งวันราคาค่อนข้างสูง  หลังจากเที่ยวไปและรู้จักสงขลามากขึ้น จึงรู้ว่าสงขลาเดินทางอย่างง่ายมีรถโดยสาร  ตุ๊ก ตุ๊ก และมอเตอร์ไซต์  ที่ให้บริการทั่วเมือง อยากแนะนำเพื่อนๆที่ยังไม่เคยมาเที่ยวถึงเมืองสงขลาปุ๊บมาทำความรู้จักสงขลารวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวก่อนด้วยบริการรถรางชมเมือง ซึ่งจะพาเราเที่ยวทั่วตัวเมืองในเวลาไม่ถึงชั่วโมง เป็นรถรางที่ทางเทศบาลนครสงขลา ได้จัดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวและเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่า โดยให้บริการฟรี รถรางจะจอดอยูตรงกำแพงเมืองเก่า ตรงข้ามพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติสงขลาให้บริการทุกวันไม่เว้นวันหยุด วันละ 6 รอบ เวลา 09.00 , 10.00 ,11.00 ,13.00 , 14.00 , 15.00 น.

รถรางชมเมืองสงขลา  เส้นทางการท่องเที่ยว ได้จัด ไว้ 7 จุด โดยเริ่มจาก กำแพงเมืองเก่าซึ่งเป็นจุดออกรถ จากนั้นรถรางนำเที่ยวขับไปย่านเมืองเก่า ถนนนครใน ถนนนางงาม ศาลหลักเมือง ไปเที่ยวริมหาดชลาทัศน์  หาดสมิหลา ประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ สักการะอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เขาตังกวน  รับรองว่าความสนุกสนานเพลิดเพลินกับการนั่งรถชมทัศนียภาพและสถานที่สำคัญต่าง ๆ พร้อมกับการบรรยายโดยวิทยากรประจำรถราง ซึ่งสามารถสร้างสีสันการท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลาได้เป็นอย่างดี เป็นหนึ่งชั่วโมงที่คุ้มค่ามากๆ แต่การนั่งรถรางก็คือ นั่งรถผ่านทำความรู้จัก ไม่ได้จอดให้เราไปยังจุดต่างๆ แต่อย่างน้อยก็จะมองภาพการเที่ยวเมืองสงขลาออกขึ้นว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี และจะไปตรงไหนก่อน แต่ละจุดห่างกันแค่ไหน ซึ่งบอกได้เลยว่าตัวเมืองสงขลาค่อนข้างเล็ก สถานที่ท่องเที่ยวแต่ละจุดก็อยู่ใกล้กันมาก  นั่งรถรางฟังไกด์บรรยายไปเรื่อยๆ เพลิดเพลินดี  ผ่านย่านเก่าสงขลา ผ่านหาดชลาทัศน์ ซึ่งเชื่อมต่อกับ หาดสมิหลา

รูปปั้นนี้เรียกว่า ประติมากรรมคนอ่านหนังสือ  ไกด์อธิบายว่า ประติมากรรมดังกล่าวต้องการสื่อให้รู้ว่า คนสงขลาเป็นคนใฝ่รู้ชอบอ่าน และชอบเขียนหนังสือ

นั่งรถรางนำเที่ยวจนเกือบรอบเมืองสงขลาแล้วรถก็มาจอดยังจุดเดิม คือ กำแพงเมืองเก่า ตรงข้ามกำแพงเมืองก็มีสถานที่ท่องเที่ยวเก่าแก่ ที่น่าสนใจ คือ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสงขลา ตัวอาคารสีขาวสลับแดงลักษณะสถาปัตยกรรมแบบจีนผสมยุโรป  บรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์ร่มรื่นเขียวขจี  เห็นพิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัดมาหลายแห่งยอมรับว่าตัวอาคาร พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสงขลา  สวยงามและโดดเด่นมากอีกแห่งหนึ่งเท่าที่เคยเห็นมา เพราะส่วนใหญ่หากนึกถึงพิพิธภัณฑ์ประจำจังหวัดจะเป็นภาพตัวอาคารที่เป็นแบบไทยหรือไทยโบราณโทนสีขรึม แต่ที่นี่ตัวอาคารแบบจีนสีขาวสลับแดงโดดเด่นมาแต่ไกล 

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสงขลา 
พื้นที่โดยรอบอาคารเป็นสนามหญ้าและสวนมีกำแพงโค้งแบบจีนล้อมรอบพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสงขลา เป็นสถานที่จัดแสดงศิลปวัตถุภาคใต้ตอนล่าง และเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ทางด้านโบราณคดี ประวัติศาสตร์ศิลปะ นอกจากนี้ ยังจัดแสดงศิลปโบราณวัตถุที่เกี่ยวกับตระกูล ณ สงขลา ซึ่งเป็นตระกูลเจ้าเมืองสงขลา ในอดีตด้วย เปิดให้เข้าชมวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท  น่าเสียดายที่ฉันได้ชมแค่ภายนอกอาคารเพราะวันที่ไป คือ วันอังคาร พิพิธภัณฑ์ปิด แต่แค่ได้ชมและถ่ายภาพบรรยากาศภายนอกก็รู้สึกว่าคุ้มค่ามากแล้ว 

จากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสงขลา เดินมาอีกนิดเดียวถึง พิพิธภัณฑ์พธำมะรงค์ หรือ บ้านของตระกูลติณสูลานนท์   ซึ่งสถานที่ตั้ง เป็นบ้านพักเดิมของบิดาพลเอกเปรม โดยบ้านหลังนี้จำลองมาจากความทรงจำในอดีตของพลเอกเปรม  ลักษณะของบ้านป็นแบบเรือนไทยยกพื้นชั้นเดียว หลังคาทรงปั้นหยา 2 หลังคู่ มีชานเปิด โล่งเชื่อมถึงกัน  ชื่อของพิพิธภัณฑ์ก็มาจากตำแหน่งของบิดาของท่านในอดีตซึ่งดำรงตำแหน่งพัสดีเรือนจำสงขลา  “พะทำมะรง” เป็นตำแหน่งเก่าของข้าราชการกรมราชทัณฑ์ 

พิพิธภัณฑ์พธำมะรงค์ 
เดินเข้ามาภายในบ้านบ้างจะเห็นรูปภาพของ พลเอกเปรมติดอยู่ด้านหน้า สำหรับชาวสงขลาแล้ว พลเอกเปรมหรือป๋าเปรม ไม่ได้เป็นเพียงชาวสงขลาคนแรกที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษ แต่คือ บุคคลสำคัญที่สร้างคุณประโยชน์เป็นที่รักเคารพของชาวสงขลาอย่างมากมาย  ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงข้างของเครื่องใช้ของครอบครัวติณสูลานนท์ในอดีต

สงขลาเป็นที่รู้จักกันในนาม เมืองสองทะเล  เพราะส่วนที่เป็นตัวเมืองโอบล้อมด้วยทะเลทั้งทางทิศตะวันออกคือ อ่าวไทย หรือทะเลหลวง และตะวันตก คือ ทะเลสาบสงขลา ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ทะเลทั้งสองไม่ได้แยกกันเด็ดขาด แต่เชื่อมต่อกันจุดเชื่อมต่อคือบริเวณที่ประดิษฐานอนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และใกล้ๆ อนุสาวรีย์กรมหลวงชุมพร  มีประติมากรรมสวยงามและมีชื่อเสียงของจังหวัด คือ ประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ ซึ่งสร้างตามคติความเชื่อเกี่ยวกับความเชื่อว่า พญานาค เป็นสัญลักษณ์ของการกำเนิดน้ำและความอุดมสมบูรณ์ ชาวใต้จึงนับถือพญานาคเป็น สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และกราบไหว้ขอพร เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต  ประติมากรรมนี้มีความพิเศษ คือ  หัว สะดือ และ หาง จะสร้างแยกจากกันอยู่คนละจุด ภาพนี้เป็นส่วนหัว ตั้งอยู่บริเวณสวนสองทะเลกำลังพ่นน้ำหันหน้าเข้าหาทะเล

ประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ 
ส่วนนี้ คือ ส่วนหางตั้งอยู่ที่ชายหาดสมิหลา ริมถนนสะเดา (หลังสนามกอล์ฟ)  ส่วนสะดือก็จะอยู่บริเวณลานชมดาว สนามสระบัว แหลมสมิหลา แต่ไม่ได้ถ่ายภาพมาเนื่องจากพื่นที่บริเวณนั้นช่วงที่ไปทางเทศบาลจัดงานเทศกาลอะไรซักอย่าง อาจจะเข้าไปถ่ายรูปไม่ค่อยสะดวกเท่าใดนัก

ตื่นตากับประติมากรรมพญานาคพ่นน้ำ เป็นที่เรียบร้อย ก็มาเที่ยวยังสถานที่ที่ขึ้นชื่ออีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสงขลา เรียกได้ว่าถ้ามาสงขลาแล้วไม่ได้แวะมาที่นี่ถือว่ามาไม่ถึง ที่ หาดสมิหลา มีสัญลักษณ์ที่มีชื่อเสียงรูปปั้น นางเงือกทอง ถึงแม้สีทองจะโดนความแดดและความเค็มของทะเลกัดกร่อนจนเริ่มเลือนหายไปแต่นางเงือกก็ยังดูมีเสน่ห์เคียงคู่กับหาดสมิหลาไม่เปลี่ยนแปลง เมี่อมองออกไปในทะเลเกาะที่เห็นอยู่ไกล 2 เกาะ  คือ  เกาะหนู เกาะแมว อันเป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่ง ของหาดสมิหลา
 
หาดสมิหลา ในนิยามของการเที่ยวทะเลหลายคนอาจจะคาดหวังจะได้เห็นทะเลใส หาดทรายขาว จนลืมไปว่าการมาเที่ยวทะเลแค่เราได้มาเจอบรรยากาศที่สงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน ทะเลก็ดูสวยและน่าเที่ยวได้เช่นกัน และ หาดสมิหลา ก็สามารตอบโจทย์ได้ในเรื่องนี้ค่ะ บริเวณรอบชายหาดจัดสวนหย่อมไว้ดูร่มรื่น มีเก้าอี้นั่งมองทะเล เหมาะเป็นที่นั่งพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง  มีป่าสนร่มรื่น หญ้าและผักบุ้งทะเลขึ้นเขียวขจีมองแล้วสบายตา 

เที่ยวภาคพื้นดินและทะเลขึ้นชื่อของสงขลาแล้ว  ต้องไม่พลาดขึ้นมาชมวิวเมืองสงขลาแบบ 360 กันบ้างค่ะ ที่ เขาตังกวน การขึ้นไปข้างบนก็จะมีสองทาง คือ บันไดจำนวน  145 ขั้น แต่ถ้าไม่อยากเหนื่อยก็มีอีกทางคือ ขึ้นลิฟต์ เสียค่าบริการคนละ 30 บาท ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็จะถึง ยอดเขาตังกวน ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นที่ประดิษฐานเจดีย์พระธาตุคู่เมือง สงขลา ขึ้นมาข้างบนถ้ามาในตอนกลางวันเวลาที่แดดจัดๆร้อนพอสมควร อย่าลืมเตรียมหมวก และครีมกันแดดมาด้วยน่ะค่ะ
 
เขาตังกวน  
นอกจากพระธาตุศักดิ์สิทธิ์  ยังมีสิ่งก่อสร้างที่สะดุดตาอย่างหนึ่ง คือ ประภาคาร
เดินตรงมายังลานชมวิว ก็จะเห็นรูปปั้นของหลวงปู่ทวดหันหน้าเข้าหาทะเลอยู่กลางลานบนฐานที่ยกสูงขึ้นไป  เหมือนคอยปกปักษ์รักษา ชาวเมืองสงขลาให้อยู่อย่างร่มเย็นและสงบสุข

จุดชมวิวเขาตังกวน เป็นอะไรที่ตื่นตา ตื่นใจ และสวยงามเกินกว่าที่ฉันมโนภาพไว้เป็นอย่างมาก เห็นในภาพถ่ายของนักท่องเที่ยวท่านอื่นผ่านตามาบ้างรู้สึกว่าสวยแล้ว แต่พอได้มาเห็นด้วยตาสวยยิ่งกว่า ภาพตึก รามบ้านช่อง ที่โอบล้อมด้วยทะเลไกลสุดตา  สำหรับฉัน อเมซิ่งเกินบรรยาย ในวินาทีที่ยืนอยู่ตรงจุดนี้ เสียงชัตเตอร์รัวดังสนั่น  หันทางขวาก็สวย หันทางซ้ายก็สวย สุดยอดทุกมอง ซูมเข้ามาใกล้ซักหน่อยให้เห็นถนนหนทางบ้าง

ฝั่งนี้เป็นฝั่งหาดสมิหลา ที่มองเห็นอาคารก่อสร้างอยู่ไกลๆ คือ โรงแรมบีพี สมิหลา ซึ่งตังอยู่ ริมหาดสมิหลาที่เราเพิ่งไปมาเมื่อกี้นั่นเอง มองเห็นถนนเชื่อมยาวไปจนถึงโรงแรม

จากนั้นเราก็เดินลงบันไดพญานาคไปยัง ศาลาพระวิหารแดง สิ่งก่อสร้างที่สำคัญจุดหนึ่งบนเขาตังกวน  ศาลาพระวิหารแดง เริ่มสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่ยังไม่เสร็จเรียบร้อย เมื่อรัชกาลที่ 6 ได้เสด็จประพาสเขาตังกวนและโปรดให้สร้างต่อจนเสร็จ  ลักษณะการก่อสร้าง ภายในเป็นเสามีช่องทางเดินทะลุถึงกันแต่ละช่องมีขนาดเท่ากัน และเป็นแบบเดียวกัน มองจากด้านหน้า จะทะลุไปจนถึงด้านหลัง มองจากด้านข้างด้านหนึ่งจะ ทะลุไปจนถึงอีกด้านหนึ่ง  ด้านหน้าพลับพลาไปด้านเชิงเขาด้านหนึ่งของเขาตังกวน เป็นบริเวณที่วิวเปิดเห็นทิวทัศน์ได้ไกลและสวยงาม

เที่ยวเมืองสงขลาจนเพลิน มาถึงช่วงเวลาเย็นแล้วตามเพลน คือ ตั้งใจจะไปเก็บบรรยากาศพระอาทิตย์ตก บนฝั่งเกาะยอ ในเขตทะเลสาบสงขลา แต่แล้วสภาพภูมิอากาศก็ไม่ค่อยเอื้ออำนวยเท่าไหร่ฝนตกในช่วงเย็น แต่มาแล้วไม่อยากเสียเที่ยวเลยนั่งรถข้ามไป ผ่านสะพานติณสูณลานนท์ ซึ่งเป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างเกาะยอกับเมืองสงขลา   เป็นสะพานข้ามทะเลสาบที่ยาวที่สุด นับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของ จ.สงขลา สร้างขึ้นในสมัย ฯพณฯ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่ออำนวยความสะดวกในการคมนาคมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยไม่ต้องรอข้ามแพขนานยนต์ซึ่งมีไม่เพียงพอกับปริมาณรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น  ซึ่งสะพานจะมี 2 ช่วง คือ สะพานที่ 1 กับสะพานที่ 2

สะพานตินสูลานนท์
ให้รถจอดแวะถ่ายภาพวิถีชีวิตชาวเลจากสะพานซักหน่อย ที่เห็นอยู่เป็นบ้านหลักเล็กๆ กลางทะเลสาบสงขลา ภาษาใต้ เรียกว่า หนำยอ หรือ ขนำ ค่ะ ซึ่งตรงนี้จะเป็นกระชังเลี้ยงปลากระพงของชาวบ้านเกาะยอ  ปลากระพงของที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความสด เนื้อนิ่ม อร่อยที่สุดในประเทศไทย สำหรับฉันมาที่นี่เพื่อถ่ายภาพนี้โดยเฉพาะ แต่ถึงแม้วันนี้จะไม่มีแสงแดดยามเย็นให้เห็น แต่เมื่อมองไปในวันที่ฟ้าครึ้มก็ยังเป็นภาพที่รู้สึกว่าสวยอยู่ดี

ชุมชนชาวเกาะยอ ที่อาศัยอยู่ริมทะเลสาบสงขลา เห็นภาพบรรยากาศของเกาะยอ ตั้งใจไว้แล้วปีหน้าจะกลับมาให้เวลากับที่นี่ให้นานกว่านี้แน่นอน  นั่งรถกลับมายังที่พักวิ่งผ่านเส้นถนนเรียบทะเลสาบสงขลา มองวิวเพลินไปเลย สวยจริงๆ

วันแรกของการท่องเที่ยวสงขลาฉันรู้สึกว่าได้รู้จักสงขลามากขึ้น ได้เห็นมุมอะไรดีๆ ในแบบที่ไม่คิดว่าจะได้พบมากมาย ตอนแรกยังคิดว่าคงไม่มีอะไรให้ถ่ายภาพแน่ แต่ที่ไหนได้แค่  1 วัน  ถ่ายภาพและได้เที่ยวเยอะมาก ลบคำว่าสงขลา ไม่น่าจะมีอะไร ออกไปจากสารระบบความคิดจนหมด  สงขลา เป็นเมืองที่น่ามาท่องเที่ยวมาก อีก

 

 

แผนที่ : 
 

 

 

 

   
หน้าหลัก | ข้อมูล 5 จังหวัดชายแดนใต้ | เส้นทางท่องเที่ยวอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (IMT-GT) | เส้นทางท่องเที่ยว 5 จังหวัดชายแดนใต้ | รายงานสรุปแต่ละจังหวัด
 
ผู้รับผิดชอบแผนงานวิจัย
รองศาสตราจารย์ ดร.ศรัณยา บุนนาค คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
181 ถนนเจริญประดิษฐ์ หมู่ที่ 6 ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี 94000
มือถือ 081-6980383 โทรศัพท์ +66-73-313-929 Fax+ 66-73-312-232
E-mail Address : saranya.b@psu.ac.th; bsaranya70@hotmail.com
---------------------
Developed and Designed by ME-FI dot com