ประวัติถ้ำขมิ้น ถ้ำขมิ้น เป็นถ้ำที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนารายมหาราชมีพระราชดำริให้ท่านขุนวรรณวงศ์ษา เดินทางมาบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุนครศรีธรรมราช ขณะเดินทางมาถึงอำเภอบ้านนาสารเป็นฤดูน้ำหลาก จึงได้ต่อเรือข้ามคลองฉวางแต่เนื่องจากน้ำไหลเชี่ยวกรากทำให้เรือชนกับตอไม้จนเรือแตก กระแสน้ำได้พัดพาคณะของท่านขุนวรรณวงศ์ษา มาขึ้นฝั่งได้ที่บริเวณถ้ำขมิ้น คณะของท่านจึงได้ออกสำรวจพื้นที่รอบ ๆ จนพบถ้ำขมิ้นและอาศัยอยู่ที่ถ้ำขมิ้นจนเสียชีวิต ต่อมาชาวบ้านที่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงเชื่อกันว่าเมื่อมีผู้มีบุญเข้าไปในถ้ำขมิ้นจะได้พบกับไก้แก้ว ซึ่งจะนำทางไปพบกับขุมสมบัติ กำเนิดถ้ำขมิ้น ถ้ำเกิดขึ้นโดยธรรมชาติเป็นผู้รังสรรค์ ซึ่งใช้เวลานับพันนับหมื่นปี ถ้ำขมิ้นเป็นถ้ำประเภท Solution Cave ที่เกิดในภูเขาหินคาร์บอเนตและซัลเฟต โดยเกิดจากน้ำฝนและน้ำใต้ดินที่มีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รวมกับไอออนของน้ำทำปฏิกิริยากัน กลายเป็นกรดคาร์บอนิคอย่างอ่อน ไหลผ่านตามรอยแยกของชั้นหินที่อยู่ใต้ดิน โดยจะละลายหินที่มีส่วนประกอบของแร่แคลไซต์ หรือ แคลเซียมคาร์บอเนต ให้เป็นรอยแตกหรือรูโพรงกว้าง ซึ่งเมื่อวันเวลาผ่านไปรอบแตกก็จะกว้างขึ้น ๆ จนกลายเป็นถ้ำในที่สุด สิ่งที่น่าสนใจในถ้ำขมิ้น ในอดีตเมื่อ 40 – 60 ปีก่อน มีการให้สัมปทานเก็บมูลค้างคาว ปัจจุบันยังมีร่องรอยและอุปกรณ์ต่าง ๆ หลงเหลืออยู่ นอกเหนือจากความสนุกสนานตื่นเต้นจากการสัมผัสถึงความมโหฬารของถ้ำแล้ว ยังได้ชมความสวยงามของหินงอกหินย้อย หรือใช้เป็นสถานที่สำหรับการวิจัยทางโบราณคดี ศาสนสถาน ธรณีวิทยา สัตววิทยา ซึ่งจุดที่น่าสนใจในเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติภายในถ้ำระยะทาง 1,250 เมตร มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ดังนี้ ๑) ปากถ้ำเป็นที่ตั้งของศาลปู่เจ้าสมิงพราย ซึ่งชาวบ้านให้ความเคารพนับถือมีกระแสลมเย็นพัดออกมาจากปากถ้ำ ด้านหลังของศาลมีบันไดลงสู่ห้องโถงต่าง ๆ ภายในถ้ำได้ 2) ลานรถจิ๊ปเป็นคูหาใหญ่ที่ปรากฏร่องรอยของการสัมปทานมูลค้างคาว เช่นซากรถจิ๊ป รอยล้อรถจิ๊ป กระสอบ และถัง 3) ลานท่านขุนเป็นทำนบหินปูนขนาดใหญ่ บริเวณนี้มีหินงอกหินย้อยขนาดใหญ่มาบรรจบกันเรียกว่า “เสาเอก” และหินงอกที่สูงแหลมเรียกว่า “หลักชัย” 4)ช่องฟ้าเป็นช่องทะละของเพดานถ้ำ ซึ่งค้างคาวนับแสนตัวที่อยู่ในถ้ำใช้ช่องทางนี้เป็นทางเข้า – ออกถ้ำ ในเวลาเที่ย วันจะมีลำแสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องผ่านช่องทางนี้ 5)ลานอพอลโลหรือลานหมากขุมเป็นทำนบหินปูนขนาดใหญ่ ในช่วงที่ฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน จะมีน้ำไหลลงมาที่ ลานนี้อย่างงดงาม ด้านบนทำนบมีหลุมคล้ายหมากขุม 6)ห้องแจกันเป็นคูหาใหญ่ มีหินงอกที่มีลักษณะคล้ายแจกัน แต่ในปัจจุบันแจกันถูกทำลายไปแล้ว 7) ห้องเจ้าหญิงเป็นคูหาที่มีม่านหินปูนเป็นรูปผู้หญิง มีรัดเกล้าบนศีรษะดูคล้ายเจ้าหญิง 8) ม่านสีชมพูเป็นม่านหินปูนที่มีลวดลายเป็นริ้ว ๆ สีชมพู ซึ่งมองดูเป็นภาพคล้ายพระพุทธรูปปางสมาธิ 9) ม่านฟ้าเป็นม่านหินย้อยขนาดใหญ่ที่สวยงามและแปลกตาม ซึ่งบางจุดดูคล้ายเศียรช้าง 10) หินงอกหินย้อยเป็นห้องที่ยังมีการเจริญเติบโตของหินงอกหินย้อย และเป็นคูหาเดียวที่มีหินคด หรือเกลียวหินปูน |