๑.ชื่อข้อมูล การทำกรงนกนกกรงหัวจุก
๒.ประวัติความเป็นมา
คนปัตตานีนิยมเลี้ยงนกกรงหัวจุก(นกปรอดหัวโขน) ไว้เพื่อฟังเสียงขันและนำมาประชันเสียงกันในสนามแข่ง มีผลทำให้เกิดความต้องการที่จะได้กรงนกดี รูปทรงสวยงาม ให้นกตัวเก่งได้อาศัย เป็นความภูมิใจ เป็นหน้าตาของเจ้าของนก และยังเป็นเสมือนหนึ่งเฟอร์นิเจอร์ประดับบ้านอีกด้วย จึงคิดรูปแบบการทำกรงนก ที่นิยมกันส่วนมากมักเป็นทรงสี่เหลี่ยมคางหมู สูงประมาณ ๓๐ นิ้ว กว้างประมาณ ๑๔ นิ้ว มีส่วนประกอบที่สำคัญ ๓ ส่วน ได้แก่ โครงกรง ซี่กรง และหัวกรง สำหรับโครงกรง เน้นการใช้ไม้เนื้อแข็งนำมาเลื่อยซอนเป็นชิ้นส่วนต่างๆ จำนวน ๑๘ ชิ้น ได้แก่ไม้เสา สูงประมาณ ๓๒ นิ้ว จำนวน ๔ อัน (หลังการเลื่อยซอยนำมากลึงกลมเรียบ) ๒ ไม้คานบน ยาวประมาณ ๑๒ นิ้ว จำนวน ๕ อัน ไม้คานล่าง ยาวประมาณ ๑๔ นิ้ว จำนวน ๕ อัน ไม้คั่นกรง ยาวประมาณ ๑๒ ๑/๒ นิ้ว จำนวน ๔ อัน ไม้อันดับที่ ๒, ๓, ๔, จะต้องวัดขนาด เจาะรูด้วยสว่านตาเล็ก เจาะทะลุบนสันให้รับกัน เพื่อไว้เสียบร้อยซี่กรง มีการถือเคล็ดเกี่ยวกับจำนวนรูที่เจาะ ให้เจาะเป็นจำนวนคี่ เช่น ๑๓, ๑๕, ๑๗, ๑๙ หรือ ๒๑ รู ตามความเล็ก ใหญ่ของกรง หากเจาะเป็นคู่เชื่อกันว่าจะทำให้นกเจ็บป่วย ขันไม่ดี หลังจากนั้นช่างจะเน้นการลักลายบนไม้ โครงทุกชิ้น ซึ่งเป็นส่วนที่จะแสดงความงาม ความประณีตของฝีมือช่างและบ่งบอกถึงราคาของกรง
๓.วัสดุ/อุปกรณ์ใช้ทำกรงนก มีดังนี้ สว่านเจาะไม้ เครื่องเจียรไม้ เครื่องทำลายดอก มีดแกะสลัก กระดาษทรายขัด กระดาษลายดอก ก้านไม้กรงนก ไม้ทำกรงนก หัวแขวนกรงนก แล๊กเกอร์ ดินสอ และ กาวทาไม้
๔.วิธีทำ
๔.๑ เตรียมวัสดุอุปกรณ์และเครื่องมือ
๔.๒ นำไม้มาผ่าเป็นชิ้นเล็กๆให้ขนาดเท่ากัน ตามขนาดที่ต้องการ และนำมาขัดกับกระดาษทรายเพื่อนำมา เป็นเสากรงนก - แกะสลักทำลายดอกตามแบบที่ต้องการ
๔.๓ นำไม้มาประกอบเป็นกรงนกตามแบบที่ต้องการ นำไม้ไผ่หรือไม้ตาลโตนดมาเหลาให้เป็นซี่เล็กๆ
๔.๔ ตามขนาดที่ต้องการ และนำก้านกรงนกมาประกอบเป็นกรงนก
๔.๕ นำอุปกรณ์เสริมมาใส่ในกรงนก เช่น ถ้วยสำหรับใส่น้ำ ใส่อาหาร หัวกรงสำหรับแขวน
๔.๖ ขั้นตอนสุดท้าย ทาแล๊กเกอร์แล้วนำไปตากแดดให้แห้ง นำก้านมาประกอบและใส่หัวกรงนก