นางรอซิดะห์ สามะ แม่บ้านชุมชนบือติงกำปงกู เล่าว่า ตนเองมีอาชีพทำปลาหวานอยู่แล้ว แต่เห็นเพื่อนๆบ้านหลายคนว่างงานอยู่บ้านเฉยๆ จึงชักชวนให้รวมกลุ่มกันดีกว่า มีอาชีพและมีรายได้ดีอีกด้วย รวมกลุ่มครั้งแรกได้ 10 คน ตนรั้งตำแหน่งประธานกลุ่มปลาหวานยากำปงกู ทำได้สักระยะหนึ่งสมาชิกมีรายได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ยได้คนละ 500-600 บาท ต่อสัปดาห์ ทำให้คุณภาพชีวิตของชุมชนบือติงกำปงกูดีขึ้น ด้านนายอัฆนิยา เจ๊ะเละ แกนนำอีกคนในฐานะรองประธานกลุ่ม เล่าถึงปัญหาของการทำงานว่า เมื่อทำได้สักระยะหนึ่งเริ่มมีปัญหา อันดับแรกคือ ปลาโอดำมีราคาแพง บางเดือนมีปลาน้อย ยิ่งช่วงไหนฝนตกบ่อยๆ กลุ่มก็ไม่สามารถทำงานได้ เพราะต้องอาศัยแสงแดดเพื่อตากปลาหวาน มาด้านเงินทุน มีหมุนเวียนไม่เพียงพอ ทำให้ไม่สามารถขยายกลุ่มได้ ปัจจุบันต้องใช้เงินส่วนตัว นอกจากนี้ยังเจอะปัญหาเรื่องการตลาด เพื่อที่จะสามารถผลิตสินค้าเพิ่มให้ชาวบ้านมีรายได้เสริมเข้ามา สำหรับขนาดและราคาที่จำหน่าย มีตั้งแต่ราคา 30, 60 และ 120 บาท โดยปกติจะขายส่งในราคากิโลกรัมละ 120 บาท จัดจำหน่ายในปัตตานี นราธิวาส สงขลา และ กทม. ในอนาคตจะขยายไปตลาดในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย ที่สำคัญปลาหวานของยากำปงกู เนื้อปลาหวานจะนุ่ม ไม่แข็ง เมื่อทานแล้วไม่คันลิ้น เพราะใช้ปลาทูน่าสด |