|
|
|
|
ข้อมูลทั่วไป : |
มัสยิดรายอปัตตานี เดิมเป็นมัสยิดแห่งรัฐปัตตานี
เริ่มก่อสร้างเมื่อสมัยเมืองปัตตานีเป็นเมืองหรือรัฐปัตตานี มีเจ้าเมืองปกครองตนเองคือ
สุลต่านมูฮัมหมัด(ตนกูบือซา) เป็นเจ้าเมืองปัตตานีช่วงประมาณ พ.ศ. 2388-2399
ได้ทรงเริ่มสร้างมัสยิดประจำเมืองปัตตานี เดิมเป็นสุเหร่าอาคารไม้
สร้างในรั้ววังต่อมาได้ย้ายมาสร้างเป็นอาคารถาวร ณ
ที่ปัจจุบันเมื่อสมัยตนกูปูเตะ(2399-2424)
ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของวังเจ้าเมือง
ก่อนถึงสุสานหลวง(กูโบร์โต๊ะอาเยาะฮฺ)
ต่อมาตนกูตีมุง(2424-2433)
ได้ทรงแต่งตั้งฮัจญีอับดุลลาเตะฮฺ ดาโต๊ะ
เป็นอิหม่ามอย่างเป็นทางการท่านแรกและได้ขยายอาคารเพิ่มเติม
แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จสมบูรณ์ท่านสิ้นพระ ชนม์เสียก่อน ต่อมาตนกูสุไลมานหรือตนกูบอซู
พระอนุชาตนกูปูเตะฮฺ ได้ทรงสร้างต่อจนแล้วเสร็จและได้เปลี่ยนชื่อมัสยิดเป็น “มัสยิดรายอฟาฏอนี”
และทรงให้ช่างแกะสลักฝาไม้ลายเถาวัลย์มาประดับมัสยิด
ส่วนประไหมสุรี (มหาสีเอก) ทรงสร้างอ่างน้ำละหมาดที่หน้ามัสยิด
ต่อมาสมัยตนกูอับดุลกาเดร์ (2442-2445) ได้ทรงดูแลบูรณะและพัฒนาบทบาทมัสยิดเน้นเป็นที่สอนศาสนา
ภาษาและการเมือง
จนถึงช่วงสุดท้ายที่ท่านถูกรัฐบาลไทยนำไปกักบริเวณที่เมืองพิษณุโลก
และในปี2476 ได้ทรงอพยพไปพำนักที่รัฐกลันตันประเทศมาเล เซียจนสิ้นพระชนม์
เป็นการสิ้นสุดของการปกครองของเจ้าเมืองปัตตานีที่มีประวัติสืบทอดมาอันยาวนาน |
|
|
|
สิ่งอำนวยความสะดวก : |
ภายในอาคารจะแบ่งเป็นสองห้องภายใต้หลังคาเดียวกัน
โดยมีผนังไม้กั้น มีประตู ๓ บาน ประด้วยไม้แกะสลักอย่างสวยงาม ลายไม้เหนือบานประตู
เป็นลายพรรณพฤษาอย่างสวยงาม ห้องโถงโล่งอีกห้อง มีมิมบัร (Mimbar ; ที่บรรยายธรรม)
ปูด้วยผ้าสักราชสีเขียวบนพื้นเหลือง ใช้เป็นที่ละหมาดเช่นกัน
รอบอาคารมัสยิดประดับด้วยกระเบื้องจีน |
|
|
|
ข้อมูลการติดต่อ : |
|
|
|
|
เดินทางอย่างไร : |
เดินทางตามเส้นทางไป ต.จะบังติกอ อำเภอเมือง
เดินทางโดยรถยนต์ ส่วนบุคคลหรือรถประจำทาง
|
|
|
|