หลวงพ่อทวดหนอน หรือที่ชาวบ้านปะนาเระ มักเรียกว่า“ท่านสมภาร หรือ สมภารท่านหนอน”ท่านเป็นพรระเถระผู้ขมังเวท ยุคเดียวกับหลวงพ่อทวดวัดช้างให้ ประวัติหลวงพ่อทวดหนอน เป็นคำเล่าสืบต่อกันมาช้านานว่า ณ วันอังคาร ขึ้นห้าค่ำ เดือนยี่ ปีขาล พุทธศักราช ๒๐๗๓ ประมาณ ๔๘๒ ปีล่วงมาแล้ว สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานีและตรงกับรัชสมัยพระมหาจักพรรติ ขณะนั้นพระเจ้าหงสาวดีได้ยกทัพใหญ่มาตั้งอยู่ที่ตำบลลุมพลีได้ ๓ วัน และมีดำริที่จะตีกรุงศรีอยุธยาให้ได้ ขณะนั้นหลวงพ่อหนอนท่านเป็นพรระภิกษุที่พระสามีอินทร์ พำนักอยู่ในกรุงศรีอยุธยา ครั้นทราบข่าวจากพระเจ้าหงสาวดี ยกมาหวังจะย่ำยีกรุงศรรีอยุธยาเช่นนั้น พระภิกษุสามีอินทร์จึงแปลงเพศเป็นชีปะขาวอาสาต่อสู้ศึกโดยการใช้พระเวทย์ผูกหุ่นยนต์ทหารจำนวนมากมายอีกทั้งกองทัพต่อแตนและอสรพิษร้ายเหลือคณานับออกไปต่อสู้กับข้าศึกศัตรูจนกองทัพพระเจ้าหงสาวดีแตกพ่ายหนีไป เมื่อได้รับชัยชนะจึงได้รับโปรดเกล้าฯ ให้พระสามีอินทร์เป็น “พระครูอินทรโมลี” ดำรงตำแน่งเจ้าคณะสงฆ์แห่งกรุงศรีอยุธยาภายหลังท่านเกิดความเบื่อหน่ายจึงสละตำแหน่งเจ้าคณะสงฆ์แห่งกรุงศรีอยุธยาแล้วออกธุดงค์ไปเรื่อย แล้วได้อาศัยเรือสำเภาพ่อค้าเดินทางลงมาทางใต้ขณะนั้นมีปลาว่ายน้ำตามเรือมาหลวงพ่อจึงเชือดเนื้อโยนให้ปลาเพื่อเป็นทานแก่ปลานั้น เมื่อเรือจอดเทียบท่าที่ปัตตานีแล้ว หลวงพ่อได้ธุดงค์ไปตามป่าเขาเลาเนาไพรจนกระทั่งไปถึงเขามะรวด หลวงพ่อเห็นเป็นที่เหมาะแก่การบำเพ็ญเพียรจึงได้ใช้ชะง่อนหินผาใกล้เขามะรวดนั้นเป็นที่บำเพ็ญญาณ ช่วงนี้เองบาดแผลที่เกิดจากการเชือดเนื้อให้ปลากินเกิดการอักเสบเน่าเปื่อยมีหนอนชอนไชแผลที่เน่าเปื่อยนั้น หลวงพ่อท่านได้อดทนต่อทุกขเวทนานั้นโดยไม่ได้รักษาบาดแผล โดยหลวงพ่อท่านบอกกบชาวบ้านว่า “อาตมาได้ตัดสินใจ อุทิศเลือดเนื้อร่างกายให้เป็นทานแล้วแม้ชีวิตอาตมาก็อุทิศเพื่อหาปรมัตถบารมี แล้วการรักษาบาดแผลก็เป็นการฆ่าชีวิตหนอน อาตมาตัดสินใจแล้วโยม” ด้วยเหตุนี้ชาวบ้านที่ไดัพบเห็นหลวงพ่อจึงพากันเรียกขานท่านว่า “หลวงพ่อหนอน”หรือ “สมภารหนอน”ระหว่างที่หลวงพ่อหนอนได้พำนักอยู่บนเขามะรวดนั้น ปรากฎว่าได้มีแมวกับสุนัขสองตัวมาอาศัยอยู่กับหลวงพ่อและเป็นเพื่อนรักกันไปไหนด้วยกันเสมอและเมื่อหลวงพ่อหนอนเกิดอาพาธหนักไม่สามารถลงมาจากเขาเพื่อบิณฑบาตรได้ หลวงพ่อก็ได้ให้แมวกับสุนัขคู่นั้นคาบย่ามลงมาจากยอดเขาเพื่อรับอาหารจากชาวบ้านขึ้นไปถวายหลวงพ่อบนยอดเขามะรวดทุกวัน และเมื่อหลวงพ่อได้ถึงแก่มรณภาพทิ้งร่างกายของท่านไว้ในท่านั่งสมาธิพำเพ็ญญาณบนแท่นหินหน้าผา ณ ยอดเขามะรวด ชาวบ้านจึงได้ขึ้นไปช่วยกันทำฌาปนกิจศพหลวงพ่อ แล้วก่อสร้างสถูปขึ้นบรรจุอัฐิของหลวงพ่อไว้สักการบูชา ทุกวันนี้ในช่วงเทศการสำคัญทางพระพุทธศาสนาชาวบ้านจะขึ้นไปสักการะ และประกอบพิธีเวียนเทียนเป็นประจำ |