พระพุทธรูปสามองค์
เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนมาตั้งแต่โบราณกาล ประดิษฐานอยู่ ณ วัดเทพาไพโรจน์ ม.4
ต.เทพา อ.เทพา จ.สงขลา
สร้างด้วยศิลาทรายแดง
นั่งเรียงกันในศาลา ฝาผนังกั้นทึบทั้งสี่ด้าน ทางเข้าออกเป็นประตูไม้ ชาวบ้านเรียกว่า “พระสามองค์”
เล่ากันว่าเมื่อครั้งข้าหลวงนายอ่อน
ปกครองอำเภอเทพานั้น ได้สร้างศาลาเป็นที่พักอยู่หน้าเมืองเพื่อไว้เป็นที่พักก่อนเข้าเมือง และที่ศาลานี้มีพระรูปหนึ่งชื่อ “พระนวล” ซึ่งเป็นพระธุดงค์
ท่านได้นำอาหารซึ่งชาวบ้านนำมาถวายที่เหลือจากฉันมาปั้นพระพุทธรูปแล้วห่อด้วยดินเหนียวเป็นพระพุทธรูป(พระจังหัน) นำเกสรดอกไม้ที่ใช้บูชาพระที่แห้งเหี่ยวมาปั้นเป็นพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง(พระเกสร) และนำเศษขี้เถ้าไม้แก่นจันทร์
ซึ่งเป็นไม้หอมปั้นเป็นพระพุทธอีกองค์หนึ่ง (พระแก่นจันทร์) ด้วยความตั้งใจของพระนวลนั้นเข้าใจว่าพระสามองค์นี้คงจะแทนพระรัตนตรัย โดยให้ประดิษฐานอยู่บนศาลา และได้กระทำพิธีปลุกเสกเป็นที่สักการะของชาวเมืองเทพา
ซึ่งได้พร้อมใจกันสร้างโครงโบกปูนทับไว้อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งพระสามองค์ได้แสดงอภินิหารต่างๆ
ชาวบ้านที่บนบานศาลกล่าวก็ได้สมปรารถนา
จึงเป็นที่เคารพสักการะเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองเป็นต้นมา
ต่อมาเกิดน้ำท่วมใหญ่ ท่วมสูงถึง 15 เมตร จมหมดทั้งเมืองเทพา และน้ำไหลเชี่ยวมาก ทำให้เมืองเทพาพังทลาย ชาวเมืองเทพาล้มตายเป็นจำนวนมาก ข้าหลวงอ่อนก็เสียชีวิตในครั้งนี้ด้วย ศาลาหน้าเมืองก็ถูกทำลายเช่นกัน แต่ก็เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่พระทั้งสามองค์มิได้รับความเสียหายแต่ประการใด ยังคงอยู่ที่ซากศาลานั้นเหมือนเดิม
จากอุทกภัยในครั้งนั้นชาวเมืองเทพาที่รอดชีวิตต่างอพยพกันไปตั้งรกรากที่อื่น จนเมืองเทพากลายเป็นเมืองร้าง พระพุทธรูปทั้งสามองค์นั้น นาน ๆ
เข้าก็ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้จนมองไม่เห็นองค์พระ
ต่อมาราว พ.ศ.2474
ชาวไทยมุสลิมซึ่งมีอาชีพทำประมงได้มาตั้งบ้านสร้างเรือนที่บริเวณใกล้ ๆ
กับพระสามองค์
แต่ก็ต้องย้ายออกไปอย่างไม่มีสาเหตุ
หลังจากนั้นชาวไทยพุทธซึ่งเห็นพุทธอภินิหารก็พากันสักการะ และช่วยกันสร้างศาลาขึ้นมาใหม่
ด้วยไม้หลังคามุงจาก และมีพระมาจำพรรษาเช่นเดิม
ต่อมาพระเหล่านั้นไม่สามารถจำพรรษาอยู่ได้โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงต้องกลายเป็นวัดร้างอีกครั้งหนึ่ง ศาลาที่สร้างก็ผุพังลงไปตามกาลเวลาเหลือไว้แต่พระทั้งสามองค์
ปี พ.ศ.2495 มีคนจีนได้มาบนบานให้ลูกชายที่หายไปได้กลับคืนมา จะสร้างศาลาหลังใหม่ให้และเมื่อได้สมปรารถนาแล้ว ชาวจีนนั้นก็สร้างศาลาหลังใหม่ด้วยไม้หลุมพอ หลังคาสังกะสี
ปี พ.ศ.2504
เกิดพายุใหญ่พัดศาลานั้นพังลงมา
โดยปลายเสาทั้ง 4 ต้น
ล้มลงมาทุบองค์พระทั้งสามจนแตกละเอียด
โดยก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
ชาวบ้านได้ฝันว่าพระท่านจะไม่อยู่แล้ว เพราะชาวบ้านไม่เอาใจใส่
ต่อมา พ.ศ.2505 นายลอย
เทพไชย ศึกษาธิการอำเภอเทพา ได้ชักชวนชาวบ้านบริจาคเงินทอง
เพื่อบูรณะพระทั้งสามองค์ใหม่
โดยนำเศษผงองค์พระเดิมที่แตกละเอียดมาบรรจุลงในพระที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งมีโครงสร้างเป็นเหล็ก
และทำขึ้นด้วยคอนกรีต
โดยการปั้นของนายอุดม มัชฌิมาภิโร
และทาด้วยสีโมเสด
มองดูเหมือนพระเนื้อสามกษัตริย์
พร้อมทั้งสร้างศาลาเป็นที่ประดิษฐานขึ้นอีกครั้ง
ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของพระสามองค์นั้นมีมาก โดยเฉพาะชาวจีนมีความเชื่อถือมาก โดยได้มีการบวงสรวงสักการะเป็นประจำทุกปี
ต่อมานายบังยัง แซ่แต้ ได้บริจาคเงินบูรณะตกแต่งใหม่อีกครั้ง และในสมัยนายจบ พลฤทธิ์
เป็นศึกษาธิการอำเภอเทพา
ท่านได้สร้าง “พระจีน” พระสำนักวัดสังกะจายอีกรูปหนึ่ง ประดิษฐานในวิหารเดียวกัน
พระสามองค์จึงเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของเทพามาจวบถึงทุกวันนี้ ในเดือนเมษายนของทุกปี
ประชาชนชาวอำเภอเทพา และอำเภอใกล้เคียงจะร่วมกันสรงน้ำ และเปลี่ยนผ้าให้พระสามองค์เป็นประจำ
จนกลายเป็นประเพณี ซึ่งเรียกว่า “ ประเพณีเปลี่ยนผ้าพระสามองค์ ”
ซึ่งจะจัดขึ้นใน
วันที่ 9 เมษายน ของทุกปี
|