วังจะบังติกอ ตั้งอยู่ที่ตำบลจะบังติกอ อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี สร้างโดยสถาปนิกชาวจีนในสมัยตนกูมูฮัมหมัดหรือตนกูบือซา พ.ศ. 2388-2399 เชื้อสายราชวงศ์กลันตัน ( กำปงลาว์หรือบ้านทะเล)ซึ่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองปัตตานี ตัววังล้อมด้วยกำแพงทึบก่ออิฐถือปูน รูปทรงของวังเป็นบ้านชั้นเดียวขนาดใหญ่ หลังคาทรงปั้นหยา หรือแบบลีมะ ตัวอาคารเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายกพื้นสูง 1 เมตร สร้างด้วยไม้ ภายในอาคารมีห้องโถงขนาดใหญ่ใช้ป็นที่ทำงานของเจ้าเมือง ส่วนด้านหลังของห้องโถงจะเป็นที่อยู่อาศัยของภรรยาและบริวาร วังจะบังติกอได้ใช้เป็นศูนย์กลางการปกครองในท้องถิ่นและเป็นที่อยู่อาศัยของเจ้าเมืองปัตตานี จนกระทั่งถึงสมัยตนกูอับดุลกอร์เดร์ เจ้าเมืองคนสุดท้าย ได้มีการยุบเมืองรวมเป็นมณฑลปัตตานี ทำให้วังซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองก็เปลี่ยนสภาพไปกลายเป็นเพียงที่อยู่อาศัยของบุตรหลานสืบต่อมาถึงปัจจุบัน
ประวัติความเป็นมาของชุมชน
วังเก่าจะบังติกอ เป็นวังโบราณของเจ้าเมืองปัตตานี ตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำปัตตานีตรงสามแยกจะบังติกอบนเส้นทางถนนหน้าวัง ซึ่งเป็นถนนลาดยางเลียบแม่น้ำปัตตานีถนนนี้เชื่อมระหว่างตัวเมือง ซึ่งตั้งต้นจากที่ตั้งของที่ทำการไปรษณีย์ปัตตานี เลียบแม่น้ำปัตตานีไปต่อกับถนนยะรัง เป็นเส้นทางรถยนต์เชื่อมระหว่างปัตตานีกับจังหวัดยะลา
ประวัติศาสตร์
ประมาณปี พ.ศ. 2382 ได้เกิดความขัดแย้งในเมืองกลันตัน (มาเลเซียปัจจุบัน)ถึงขั้นสู่รบระหว่างพระยากลันตันตนกูสนิ(ปากแดง)กับตนกูบือซาหรือตนกูมูฮำมัด ซึ่งเป็นพี่น้องต่างมารดาด้วยเหตุตนกูบือซาน้อยใจพระยากลันตันตนกูสนิที่ตนไม่ได้ครอบครองเมืองอื่นๆ ตลอดจนเรื่องทรัพย์สมบัติบ่าวไพรของตนกูบือซาเหตุการณ์ลุกลามมากขึ้น เมื่อตนกูบือซาได้ชักชวนพระยาบาโงย ช่วยกันรวบรวมผู้คนตั้งค่ายสู้รบกับพระยากลันตัน ด้วยเหตุนี้กองทัพกรุงเทพฯซึ่งมีพระยาศรีพิพัฒน์ยกทัพตั้งหมั้นที่เมืองสงขลา และมอบหมายให้พระยาไชยายกกองทัพเรือไปเมืองกลันตันและนำพระยากลันตันตนกูสนิกับตนกูบือซามาพบพระยาพิพัฒน์ ณ เมืองสงขลา เพื่อไกล่เกลี่ยและสามารถประนีประนอมได้ จึงให้กลับไปเมืองกลันตัน ในปีต่อมาได้เกิดทะเลาะวิวาทอีกครั้ง เมื่อความทราบถึงกรุงเทพฯทำให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริถ้าปล่อยให้เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ความวุ่นวายต้องเกิดขึ้นไม่สิ้นสุดประกอบตำแหน่งเจ้าเมืองปัตตานีว่างลงจึงทรงแต่งตั้งตนกูบือซาเป็นเจ้าเมืองปัตตานีคนแรกแห่งราชวงศกลันตัน(กำปงลาว์)บ้านทะเลความบาดหมางระหว่างพระยากลันตันตนกูสนิกับตนกูบือซาจึงยุติไปตนกูบือซาเมื่อเดินทางมาถึงปัตตานีพร้อมกับพาครอบครัวประมาณ1,388ครอบครัว มีชายหญิงประมาณ 6,863คน พระยาตรังกานูจัดเรือช่วยรับส่งตนกูบือซาจำนวน 30ลำ เมื่อเดินทางมาถึงปัตตานีได้สร้างที่ประทับขึ้นเป็นครั้งแรกบริเวณชายทะเลคือหมู่บ้านตันหยงดาโตะอำเภอยะหริ่ง ปัจจุบัน ต่อมาตนกูบือซาเห็นว่าที่นี้ไม่เหมาะสมด้านภูมิศาสตร์จึงเรียนดาโตะ(ขุนนาง)ผู้ทรงคุณวุฒิที่ศักดิ์ตระกลูแวหรือวันนำหน้าจำนวน 12 ท่าน
ได้ปรึกษาหารือเกี่ยวกับการย้ายที่ประทับเพื่อจะสร้างวังใหม่ดาโตะทั้งหลายได้หาสถานที่ที่เหมาะสมนั้นคือ บริเวณจะบังติกอ(หรือวังเก่าปัจจุบัน)เพราะน้ำท่วนไม่ถึงน้ำบ่อใสสะอาดมีแม่น้ำไหลผ่าน 3 ด้านไปออกปากอ่าวปัตตานี วังเก่าจะบังติกอเดิมเรียกว่า กอตอจือเบาะห์ปูเยาะห์ตำหนักที่ประทับ เรียกว่า อิสตานอร์อาซัมจาวอ