โปรแกรมที่ 3 สัมผัส ประวัติศาสตร์ 3 วัฒนธรรม ธรรมชาติและวิถีชีวิตชุมชน กำหนดการเดินทาง 3 วัน 2 คืน
วันแรก ปัตตานี – กับหัวเมืองประวัติศาสตร์ 08.00 น. คณะรับประทานอาหาร ณ ที่พัก จากนั้นออกเดินทางสู่ - สักการะรูปเหมือนเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ณ ศาลเจ้าเล่งจูเกียง กราบไหว้ขอพรจากเจ้าแม่ เป็นศาลที่ประดิษฐานรูปแกะสลัก ของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พระหมอ เจ้าแม่ทับทิม ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวจีนและชาวไทยโดยทั่วไปมาก ประวัติการสร้างหรือความเป็นมาของศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มีการเล่าสืบต่อๆ กันมาเป็นตำนานที่เกี่ยวกับประวัติเมืองปัตตานี
- ชมมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี นับว่าเป็นมัสยิดที่สวยงามและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกรูปทรงคล้ายกับ “ทัชมาฮาล” ประเทศอินเดีย ซึ่งสร้างในปี พ.ศ. 2497 ใช้เวลาดำเนินการสร้างประมาณ 9 ปี เพื่อให้เป็นศูนย์กลางในการประกอบ ศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมในภาคใต้ เป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกมีรูปทรงคล้ายกับทัชมาฮาลของอินเดีย ตรงกลางอาคารมียอดโดมขนาดใหญ่และมีโดมบริวาร 4 ทิศ มีหอคอยอยู่สองข้าง บริเวณด้านหน้ามัสยิดมีสระน้ำสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ภายในมัสยิดมีลักษณะเป็นห้องโถง มีระเบียงสองข้างภายในห้องโถงด้านในมีบัลลังก์ทรงสูงและแคบ
- เที่ยววัดวัดมุจลินทวาปีวิหารหรือวัดตุยง นมัสการหลวงพ่อดำถือเป็นวัดเก่าแก่และวัดคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดปัตตานี ศูนย์กลางการปกครองเมืองหนองจิกเดิม ซึ่งเป็นที่ตั้งจวนเจ้าเมืองและที่ว่าการของผู้ว่าราชการเมืองมาหลายสมัย วัดตุยงได้ชื่อว่าเป็นแหล่งให้กำเนิดการศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมแห่งแรกของมณฑลปัตตานี จากการที่ วัดมุจลินทวาปีวิหาร ได้มีการปรับปรุงกิจการจนเกิดความรุ่งเรืองก้าวหน้า เป็นที่เลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนทั้งในและนอก ประเทศ จึงทรงมีพระราชกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดมุจลินทวาปีวิหารขึ้นเป็นพระอารามหลวงเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๒๑
- ชมวังหนองจิก ซึ่งเป็น 1 ในวัง 7 หัวเมือง อยู่ที่บ้านตุยง เจ้าเมืองหนองจิกคนสุดท้ายคือ พระยาเพชราภิบาลนฤเบศร์ ฯ (พ่วง ณ สงขลา ) ได้ใช้วังนี้อยู่ สันนิษฐานว่าวังนี้สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. 2437 ตัววังนี้ที่เหลืออยู่ประกอบด้วยอาคารสองหลัง เป็นอาคารชั้นเดียวแต่ยกพื้นสูงประมาณ 1 เมตร อาคารที่เป็นตัววัง ถูกรื้อถอนไประหว่างสงครามมหาเอเซียบูรพา อาคารที่เหลืออยู่ในสภาพทรุดโทรมมาก
- จากนั้นเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว เดิมชาวบ้านเรียกว่า น้ำตกตะโกน มีต้นน้ำเกิดจากยอดเขานางจันทร์ในทิวเขาทรายขาว เทือกเขาสันกาลาคีรี ถูกค้นพบโดยพระครูศรีรัตนากร (ท่านสีแก้ว) อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาวมีพื้นที่ครอบคลุมป่าสงวนแห่งชาติเขา และป่าสงวนแห่งชาติป่าเทือกเขาสันกาลาคีรี ประกอบด้วยจุดเด่นตามธรรมชาติและน้ำตกที่สวยงาม สภาพป่าอุดมสมบูรณ์ ร่มรื่นไปด้วยพันธุ์ไม้และสัตว์ป่านานาชนิดที่ควรแก่การศึกษาหาความรู้เป็นอย่างยิ่ง
12.00 น. รับประทานอาหาร ณ อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว จากนั้น - นำคณะสัมผัสธรรมชาติที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกทรายขาว ชม “ผาพญางู”แหล่งท่องเที่ยวใหม่บนน้ำตกทรายขาวมีลักษณะคล้ายงูใหญ่ ใจดีสื่อถึงความเมตตากรุณา โอบอ้อมอารี
- แวะซื้อสินค้า OTOP ของอำเภอโคกโพธิ์
- เยี่ยมชมวัดราษฎร์บูรณะ (วัดช้างไห้)เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปีนมัสการหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนในภาคใต้ เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาแล้วกว่า 300 ปี ตามตำนานกล่าวว่า พระยาแก้มดำเจ้าเมืองไทรบุรี ต้องการหาชัยภูมิสำหรับสร้างเมืองใหม่ให้กับน้องสาว จึงได้เสี่ยงอธิฐาน ปล่อยช้างให้ออกเดินทางไปในป่า โดยมีเจ้าเมืองและไพร่พลเดินติดตามไป จนมาถึงวันหนึ่ง ช้างได้หยุดอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง แล้วร้องขึ้นสามครั้ง พระยาแก้มดำจึงได้ถือเป็นนิมิตที่ดี จะใช้บริเวณนั้นสร้างเมือง แต่น้องสาวไม่ชอบ พระยาแก้มคำจึงให้สร้างวัด ณ บริเวณดังกล่าวแทน แล้วให้ชื่อว่า วัดช้างให้ แล้วนิมนต์พระภิกษุรูปหนึ่ง ที่ชาวบ้านเรียกว่า ท่านลังกา หรือ สมเด็จพะโคะ หรือ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด มาเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก ท่านได้เดินธุดงค์ไปมา ระหว่างเมืองไทรบุรีกับวัดช้างให้ และได้สั่งลูกศิษย์ไว้ว่า ถ้าท่านมรณะภาพ ขอให้นำศพไปทำการฌาปนกิจ ณ วัดช้างให้ ซึ่งเมื่อท่านมรณะภาพที่เมืองไทรบุรี ลูกศิษย์ก็ได้นำศพท่านมา ทำการฌาปนกิจที่วัดช้างให้ อัฐิของท่านส่วนหนึ่งฝังไว้ที่วัดช้างให้ อีกส่วนหนึ่งนำกลับไปเมืองไทรบุรี ต่อมาได้สร้างสถูปบรรจุอัฐิของท่านไว้ที่วัดช้างให้
- เยี่ยมชมถ่ายรูปกับมัสยิดโบราณควนลังงา 300 ปี ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ มัสยิดควนลังงา ๓๐๐ ปีแห่งนี้จึงเกิดขึ้นด้วยความร่วมมือของพ่อท่านศรีแก้วกับโต๊ะอิหม่ามในยุคนั้น โดยสร้างแบบศิลปะประยุกต์ ผสมผสานระหว่างพุทธกับมุสลิม ภายในมีสถานที่ในการประกอบพิธีละหมาด แต่เมื่อมองจากภายนอกจะคล้ายคลึงกับโบสถ์ในศาสนาพุทธ"
17.30 น. บริการอาหาร จากนั้นเดินทางกลับที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
------------------------------
วันที่สอง ปัตตานี – กับตำนานแห่งชนเชื้อสายจีน 08.00 น. บริการอาหาร ณ ที่พัก จากนั้นออกเดินทางสู่ - ชมมัสยิดกรือเซะ มรดกอารยธรรมแห่งมหานครปัตตานีชมสถาปัตยกรรมแบบตะวันออกกลาง สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย มัสยิดกรือเซ๊ะ หรือมัสยิดปินตูกรือบัง ได้เป็นโบราณสถานและทำการบูรณะ เมื่อปี พ.ศ.2478 และได้ทำการบูรณะอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2500 และในปี พ.ศ.2525 ได้ทำการบูรณะอีกครั้งเนื่องในโอกาสสมโภชน์ กรุงรัตนโกสินทร์ สิ่งที่น่าสังเกตอีกอย่างก็คือ ศีลปะของมัสยิดกรือเซ๊ะ เป็นศิลปะแบบเปอร์เซีย ไม่ว่าจะเป็นซุ้มโค้งประตูหรือเมี๊ยะรอบ ล้วนแล้วแต่เป็นทรงและศีลปแบบเปอร์เซียทั้งสิ้น มัสยิดกรือเซะยังคงถูกบันทึกว่าเป็นมัสยิดที่งดงามภายในมัสยิดมีลวดลายอันวิจิตร บนยอดโดมของมัสยิดกรือเซะหุ้มด้วยทองคำบริสุทธิ์
- สักการะสุสานเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว ซึ่งเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นศาลที่ประดิษฐานรูปแกะสลัก ของเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว พระหมอ เจ้าแม่ทับทิม ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะของชาวจีนและชาวไทยโดยทั่วไปมาก ประวัติการสร้างหรือความเป็นมาของศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว มีการเล่าสืบต่อๆ กันมาเป็นตำนานที่เกี่ยวกับประวัติเมืองปัตตานี
- เที่ยวชมและเรียนรู้วิถีชุมชน การทำนาเกลือ ที่บ้านตันหยงลุโล๊ะ ตำบลตันหยงลุโละ เป็นตำบลที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ราษฎรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ทำประมง ทำนาเกลือ ค้าขาย รับจ้างทั่วไป และที่สำคัญสามารถเลี้ยงหอยได้ดี นอกจากนี้ตำบลตันหยงลุโละยังเป็นที่ตั้งของมัสยิดกรือเซะ และฮวงซุ้ยเจ้าแม่ลิ้มกอเหนียว ซึ่งเป็นโบราณสถานและสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดปัตตานี และตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอ่าวไทย สามารถพัฒนาและปรับปรุงเป็นที่ท่องเที่ยวประจำตำบล อำเภอ จังหวัด ได้ในอนาคต
- เยี่ยมชมความสวยงามของวังเก่า“วังยะหริ่ง”สร้างขึ้นแบบสไตล์ยุโรป ผสมผสานศิลปกรรมพื้นเมืองและชวาซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองยะหริ่ง
12.00 น. รับประทานอาหารทะเล ที่ชุมชนบางปู อ.ยะหริ่ง จากนั้น - สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนบางปู กิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ พายเรือคะยักเที่ยวชมป่าชายเลนและอุโมงค์ป่าโกงกาง ที่สวยงาม จากฝีมือของธรรมชาติ เป็นชุมชนประมงพื้นบ้านอาศัยบริเวณป่าชายเลนเป็นที่ทำกิน เป็นชุมชน มุสลิม ทั้งหมด เดิมทำการประมง พื้นบ้านประมาณ 70% เลี้ยงเป็ดไข่ 30% แต่ปัจจุบันอาชีพหลักค้าขายเสื้อผ้ามือสอง ยังคงเหลือประมงพื้นบ้านประมาณ 30% เป็นชุมชุนที่ไม่มีของมึนเมาแต่งกายสุภาพ เป็นต้น
- ชมมัสยิดบ้านดาโต๊ะ สุสานดาโต๊ะและชมพระอาทิตย์ตกดินที่แหลมตาชี ต.แหลมโพธิ์ อ.ยะหริ่ง หรือแหลมโพธิ์ เป็นหาดทรายขาวยื่นต่อจากหาดตะโละกาโปร์ไปในทะเลอ่าวไทยทางทิศเหนือยาว 11 กม. เป็นป่าสนทะเล หาดทรายขาวสะอาด เหมาะสำหรับตากอากาศและเล่นน้ำทะเล อยู่ในเขตตำบลตะโละกาโปร์ การเดินทางไปแหลมตาชีไปได้ 2 ทาง คือ ทางน้ำและทาง
17.30 น. รับประทานอาหาร จากนั้นเดินทางกลับที่พัก พักผ่อนตามอัธยาศัย
------------------------------
วันที่สาม ปัตตานี – กับการเยือนถิ่นเมืองเก่า - และความทรงจำ แห่งรัฐปัตตานี 08.00 น. บริการอาหาร ณ ที่พัก จากนั้น - เดินทางสู่ เมืองเก่ายะรัง อ.ยะรัง ศูนย์กลางแห่งอาณาจักรลังกาสุกะเป็นเมืองโบราณตั้งอยู่ในพื้นที่ปกครองตำบลยะรัง และตำบลวัด อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี เมืองโบราณยะรังเป็นชุมชนสมัยเริ่มแรกประวัติศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภาคใต้ของประเทศไทย และเชื่อว่าเป็นที่ตั้งอาณาจักรโบราณที่มีชื่อว่า "ลังกาสุกะ" หรือ "ลังยาเสียว" ตามที่หลักฐานปรากฎในเอกสารของจีน ชวา มลายู และอาหรับ ย่อมแสดงว่าเป็นเมืองท่าที่สำคัญตั้งอยู่ใกล้ทะเล มีอาณาเขตกว้างขวางเป็นดินแดนที่มั่งคั่ง มีบทบาททางเศรษฐกิจการเมืองเกี่ยวข้องกับดินแดน ซึ่งมีความเจริญขึ้นและพัฒนาสืบต่อเรื่อยมาอีกหลายสมัย นับเวลาเป็นพันปี ดังที่มีหลักฐานเป็นร่องรอยของคูน้ำ-คันดิน คูเมืองและซากเนินดินโบราณสถานในท้องที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานีในปัจจุบัน
- เที่ยวชมวังพิพิธภักดี วังเก่าที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรัก และ วังสายบุรี วังพิพิธภักดี อยู่ตรงข้ามวังสายบุรี พระยาพิพิธภักดีบุตรชายเจ้าเมืองยะหริ่งได้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเรือนหอ เป็นอาคารไม้สองชั้น ฝีมือช่างท้องถิ่นโดยนำแบบตะวันตก และศิลปะท้องถิ่นมาผสมผสานกัน คือมีหน้ามุขแบบตะวันตก ลูกกรงบันไดเป็นลายปูนปั้นรูปดอกไม้ ผนังกั้นห้องภายในอาคารเป็นผนังโค้งศิลปะแบบตะวันตก ช่องลมเป็นลวดลายพรรณพฤกษาศิลปชวา ปัจจุบันวังนี้ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์
- ชมหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการต่อเรือกอและ หมู่บ้านปะเสยะวอ อ.สายบุรี เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการต่อเรือ กอและ ซึ่งเป็นเรือประมงของชาวปัตตานีและนราธิวาส มีลักษณะเป็นเรือหัวแหลมท้ายแหลม ระบายสีสันงดงาม เรือกอและของชาวบ้านปะเสยะวอมีทั้งขนาดใหญ่ที่เป็นเรือประมงจริงๆ และขนาดเล็กที่จำลองขึ้นเพื่อเป็นของที่ระลึก ฝีมือการต่อเรือกอและที่นี่ได้รับการยอมรับว่าประณีตงดงามด้วยลวดลายที่ผสมกลมกลืนกันระหว่างศิลปะไทยและมุสลิม นอกจากนี้บ้านปะเสยะวอยังมีชื่อเสียงในการทำน้ำบูดูรสดีอีกด้วย
12.00 น. รับประทานอาหาร จากนั้นเดินทางต่อ - แวะชมทัศนียภาพยามบ่ายของหาดมะรวด หาดราชรักษ์ และหาดแฆแฆ อ.ปะนาเระ ลักษณะเป็นหาดทรายกว้างล้อมรอบด้วยโขดหินกลมมนน้อยใหญ่ มีเนินและหุบเขาเตี้ยๆ สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงาม เหมาะสำหรับการพักผ่อนในช่วงเช้าและเย็น
- เยี่ยมชม “ย่านบ้านเก่า” แวะร้านเพชรฮาดี แหล่งทำเครื่องประดับเพชร ทอง นาก ลายพื้นเมืองชื่อดัง และซื้อของฝากสินค้าโอท็อป เมืองปัตตานี
17.30 น. เดินทางกลับที่หมาย และถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ ด้วยรอยยิ้มและความประทับใจ
***โปรแกรมอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม***
|